กาแฟแบรนด์ดัง ปรับโครงสร้างธุรกิจ ปิด 500 สาขา เลิกจ้างกว่า 900 คน

สตาร์บัคส์ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ปิดสาขาในอเมริกาเหนือ 500 แห่ง เลิกจ้างพนักงานออฟฟิศ 900 คน หลังยอดขายลดลงต่อเนื่อง 6 ไตรมาส
สตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการ “Back to Starbucks” โดยมีการ ปิดสาขาราว 500 แห่งในอเมริกาเหนือ และ เลิกจ้างพนักงานออฟฟิศ 900 คน เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจ หลังยอดขายสาขาเดิมลดลงต่อเนื่องถึง 6 ไตรมาสติดต่อกัน
ตามรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) บริษัทระบุว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในการปรับโครงสร้างกว่า 90% จะเกิดขึ้นในอเมริกาเหนือ คิดเป็นค่าใช้จ่ายเลิกจ้าง 150 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,800 ล้านบาท) และค่าใช้จ่ายปิดร้าน 850 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 27,000 ล้านบาท)
ไบรอัน นิคอล ซีอีโอของสตาร์บัคส์ เผยในจดหมายถึงพนักงานว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อจัดลำดับความสำคัญใหม่ และสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยย้ำว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างสตาร์บัคส์ที่ดีกว่าเดิม”
ทั้งนี้ การเลิกจ้างครั้งล่าสุดนับเป็น รอบที่สองในปี 2568 หลังจากที่เมื่อต้นปี สตาร์บัคส์เคยลดพนักงานฝ่ายองค์กรไปแล้วกว่า 1,100 คน
นอกจากการปิดสาขาและลดพนักงาน บริษัทจะหันมา ลงทุนใกล้ชิดกับร้านและลูกค้ามากขึ้น พร้อมชะลอการเปิดสาขาใหม่ และหันมาเน้นการปรับปรุงร้านเดิม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้นั่งพักผ่อนนานขึ้น กลับไปสู่จุดยืนเดิมของแบรนด์ในฐานะ “Third Place” หรือสถานที่แห่งที่สามถัดจากบ้านและที่ทำงาน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

เจ้าของประกาศขาย "สีดอก้านกล้วย" หลังพี่เลี้ยงเสียชีวิต

กาแฟแบรนด์ดัง ปรับโครงสร้างธุรกิจ ปิด 500 สาขา เลิกจ้างกว่า 900 คน

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 8 "ทหาร-ตำรวจนอกราชการ" เป็นราชองครักษ์พิเศษ

ฉาวก่อนเกษียณ ตร.เชียงใหม่รับเงิน นทท. สั่งออกจากราชการแล้ว
