“ไหมขัดฟัน” ตัวช่วยลับเพื่อสุขภาพช่องปากที่หลายคนมองข้าม

"การแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ไหมขัดฟันคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันฟันผุ กลิ่นปาก และโรคเหงือก เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีอย่างยั่งยืน"
ไม่ใช่แค่ แปรงฟัน การใช้ ไหมขัดฟัน ทุกวันช่วยให้ฟันและเหงือกแข็งแรงกว่าที่คิด
การดูแลสุขภาพช่องปากไม่จบเพียงการแปรงฟัน เพราะความจริงแล้ว แปรงฟันทำความสะอาดได้เพียงประมาณ 60-70% ของพื้นผิวฟันทั้งหมดเท่านั้น ซอกฟันและร่องเล็กๆ เป็นจุดที่แปรงฟันเข้าไม่ถึง และมักกลายเป็นที่สะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ การใช้ ไหมขัดฟัน จึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยกำจัดสิ่งตกค้างเหล่านี้ออกไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมชี้ว่า การละเลยการใช้ไหมขัดฟันอาจนำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง ได้แก่
1.ฟันผุ: คราบจุลินทรีย์สร้างกรดกัดเคลือบฟัน
2.โรคเหงือกอักเสบ: คราบแบคทีเรียใต้เหงือกทำให้เหงือกบวม แดง และมีเลือดออกง่าย
3.กลิ่นปากเรื้อรัง: เศษอาหารตกค้างเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย
4.เสี่ยงสูญเสียฟันในระยะยาว หากพัฒนาเป็นโรคปริทันต์รุนแรง
นอกจากนี้ การใช้ไหมขัดฟันทุกวันยังช่วยให้ลมหายใจสดชื่นขึ้น และเสริมให้การดูแลช่องปากสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
วิธีใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกต้อง
- ดึงไหมขัดฟันยาวประมาณ 45 ซม.
- พันรอบนิ้วกลางทั้งสองข้าง เหลือไหมกลางไว้ 2-3 ซม.
- สอดเข้าเบาๆ ระหว่างซี่ฟัน
- โอบไหมเป็นรูปตัว C และเลื่อนขึ้นลงเบาๆ ไปตามผิวฟันและใต้ขอบเหงือก
- ใช้ไหมสะอาดกับฟันแต่ละซี่
เลือกไหมขัดฟันให้เหมาะ
- แบบมีขี้ผึ้ง (Waxed) – เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและฟันชิด
- แบบไม่มีขี้ผึ้ง (Unwaxed) – ให้ความรู้สึกสะอาด แต่ขาดง่ายกว่า
- แบบเทป (Dental Tape) – กว้าง เหมาะกับซี่ฟันที่มีช่องว่าง
- แบบมีด้าม (Floss Picks) – ใช้ง่าย เหมาะกับคนไม่ถนัดใช้แบบเส้น
สรุป:
ไหมขัดฟันคือ “ผู้ช่วยตัวจริง” ที่ทำงานคู่กับการแปรงฟัน เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุ กลิ่นปาก และโรคเหงือก การลงทุนไม่กี่นาทีต่อวันในการใช้ไหมขัดฟัน ช่วยรักษารอยยิ้มและสุขภาพช่องปากให้อยู่กับคุณไปอีกนาน
แหล่งที่มาอ้างอิง
1.สมาคมทันตแพทย์อเมริกัน (ADA) – American Dental Association: Flossing
2.กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข – เอกสารเผยแพร่เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก