"High-Rise Syndrome" แมวตกตึกสูงมักมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า

High-Rise Syndrome หรือที่เรียกกันว่า โรคตึกสูงในแมว เป็นปรากฏการณ์ที่พบว่า แมวตกตึก จากที่สูงมักมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าแมวที่ตกจากที่เตี้ย
ไม่ได้หมายความว่า แมวตกจากที่สูง จะปลอดภัยเสมอไป แต่สถิติบ่งชี้ว่า แมวเลี้ยงในคอนโด ที่พลัดตกจากระดับความสูงมาก ๆ จะมีโอกาสรอดสูงกว่าเมื่อเทียบกับแมวที่ตกจากความสูงเพียงไม่กี่เมตร
เหตุผลที่แมวตกจากที่สูงมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า
1. เวลาในการจัดระเบียบร่างกาย
เมื่อตกจากที่สูง แมวจะพลิกตัวกลางอากาศ เพื่อให้เท้าทั้งสี่ข้างหันลงพื้น และยังสามารถกางขาออกเพื่อเพิ่มแรงต้านอากาศ ลดความเร็วขณะตก ช่วยบรรเทา อันตรายจากแมวตกจากที่สูง
2. ความเร็วปลาย (Terminal Velocity)
ไม่ว่าจะตกจากความสูงเท่าใด ความเร็วปลายของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นระดับที่ร่างกายของแมวสามารถรับแรงกระแทกได้ดี นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่อธิบายปรากฏการณ์ High-Rise Syndrome ในแมว
3. การกระจายแรงกระแทก
แมวมีโครงสร้างร่างกายและระบบกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่น สามารถกระจายแรงกระแทกไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเมื่อลงถึงพื้นได้ดี ทำให้โอกาสบาดเจ็บสาหัสลดลง อย่างไรก็ตาม โรคตึกสูงในแมว ก็ยังถือว่าเป็นอุบัติเหตุที่เสี่ยงอันตราย
ความเสี่ยงและอันตรายที่ควรทราบ
ถึงแม้ว่า High-Rise Syndrome จะช่วยให้แมวมีโอกาสรอดจากการตกตึกมากขึ้น แต่ก็ยังมีอันตรายที่ควรระวัง เช่น
- กระดูกหัก หรือ บาดเจ็บภายใน เช่น ปอดฉีก ไตช้ำ
- ความเครียดและบอบช้ำทางจิตใจ
- ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากตกจากที่สูงเกินไปหรือพื้นรองรับไม่เหมาะสม
วิธีป้องกันแมวตกตึก และลดความเสี่ยง
เพื่อป้องกัน อุบัติเหตุแมวตกจากที่สูง เจ้าของควร
- ติดตั้งตาข่ายกันตกตามระเบียง หน้าต่าง
- เลี้ยงแมวระบบปิด หรือ เลี้ยงแมวในคอนโด อย่างปลอดภัย
- เฝ้าระวังพฤติกรรมแมว โดยเฉพาะแมวที่ชอบปีนป่ายหรือออกนอกบ้าน
High-Rise Syndrome เป็นเครื่องเตือนใจให้เจ้าของดูแลความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด การป้องกันไว้ดีกว่ารักษา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ แมวตกตึก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ราคาทองวันนี้ 13 พฤษภาคม 2568 ราคาทองมีปรับตัวอีก ครั้งที่ 16

"ดาวพฤหัสย้าย" 2 ราศี โชคลาภเด่น พลิกจากลูกหนี้เป็นเศรษฐีฉับพลัน

เปิดพิกัดเตือน 15 จังหวัด เสี่ยงดินถล่ม–น้ำป่าไหลหลาก

เปิดโพสต์ "สารวัตรเอก" ลั่นตรง ๆ ถึง สจ.ทำร้ายตำรวจ มีสะเทือน
