กลายเป็นประเด็นดุดุเดือดของวันนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด แถลงข่าวชี้แจงพร้อมเปิดหลักฐานชัดในถุงเงินล้านปริศนาอย่างละเอียดยิบถึงขั้นขนาดกว้างยาวของถุง และการจัดวางปึกเงิน พร้อมเฉลยคนถือถุงเงินมาให้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่โรงแรมเดวิส
โดยทาง ทนายตั้ม ชี้แจงว่า ยอดเงินทั้งหมดที่ได้มามันแค่ 6 ล้านเท่าที่พี่ไปทำบุญจริงเหรอพี่ชูวิทย์ ทั้งคนใน คนนอกเขาแจ้งผมมา มันเกินไปหลายสิบเท่า แค่ถุงนั้นลองวัดดูสิ มันไม่ใช่ 6 ล้านตามที่พี่กล่าวอ้าง พี่ตีไป กินไป เหมือนโรบินฮู้ด แล้วก็แบ่งเอาไปทำบุญ ปล้นโจรแบบคิดค่าGP หากินง่ายดีน้าาา ได้หน้า ได้เงิน พี่เล่นใหญ่ขนาดนี้ พอมันมีข้อสงสัยที่ตัวพี่เองก็ยอมรับ ว่ารับเงินมาจริง
ค้านกับสิ่งที่พี่บอกเล่ากับสังคมมาตลอด ว่าไม่รับแม้แต่บาทเดียว เป็นคนเลวกลับใจ ตัวผมเอง ทำไมถึงออกมาพูด ผมเข้าข้างโจรเหรอ ไม่ใช่ครับ ผมรู้ผมโคตรเสี่ยงเลย ออกมาพูดในวันที่พี่เป็นเหมือนวีรบุรุษของประเทศ กระแสสังคมต้องโจมตีผมแน่นอน
แต่ผมมองว่าเรื่องดีๆที่พี่ทำ มันก็ดี แต่แฉไป รับเงินไป มันได้เหรอ พี่เลือกรับเงินจากโจร จากคนทำผิด เพราะพี่รู้ว่าคนพวกนี้เขาไม่กล้าเปิดตัวมาสู้พี่หรอก เป็นสงครามที่พี่ไม่มีวันแพ้ ผมก็เลยออกมาเตือน อย่าให้ความโลภฆ่าพี่ครับพี่ชูวิทย์
ทนายตั้ม ยังเผยอีกว่า ในรายการโทรทัศน์ช่วงหนึ่งได้เอ่ยถึงตำรวจนอกราชการนายหนึ่งซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 ที่สนิทสนมกับนายชูวิทย์ คอยประสานงานต่างๆ ให้
ตนยังทราบข้อมูลจากคนวงในอีกว่า นายชูวิทย์ มีกล่องดวงใจดวงหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชา เป็นเสมือนมือขวา ซึ่งกล่องดวงใจดวงนี้ เป็นผู้ที่พาสารวัตรซัว ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และเจ้าของเว็บพนันไปพบนายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิส เพื่อพูดคุยและให้เงินกัน
พร้อม ฝากคำถามถึงพี่ชูวิทย์ ที่เคยโพสต์เฟซบุ๊กถึงนายแทนไทย เมื่อวันที่ 21 มกราคม จากนั้นก็ไม่เคยโพสต์ถึงนายแทนไทยอีกนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะว่ากล่องดวงใจนี้ พานายแทนไทยที่เป็นเจ้าของเว็บพนันไปพบเมื่อวันตรุษจีนหรือไม่??
โดยจะร้องเรียนไปยังตำรวจสอบสวนกลาง ให้ตรวจสอบเงินสกุลดิจิทัลมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เข้าบัญชีกล่องดวงใจดวงนี้ ซึ่งเงินส่วนนี้เองที่ถูกนำไปบริจาคให้โรงพยาบาลและอื่นๆ