กรมอุตุฯ เตือนจับตา "พายุหินหนามหน่อ" ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น

31 สิงหาคม 2565

กรมอุตุฯเผย พายุหินหนามหน่อ ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว แม้จะยังเคลื่อนตัวอยู่ห่างไทยมากๆแต่ยังต้องจับตา

กรมอุตุนิยมวิทยาเผยเส้นทางเดินพายุหินหนามหน่อ พายุลูกที่ 11 ขณะนี้พายุหินหนามหน่อทวีกำลังจากพายุโซนร้อนเป็นพายุไต้ฝุ่น "หินหนามหน่อ" แล้ว แม้จะยังเคลื่อนตัวอยู่ห่างไทยมาก แต่ยัง8'ต้องจับตาเป็นระยะ เพราะอาจดึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ให้มีกำลังแรงขึ้นและส่งผลกระทบทำให้มีฝนฟ้าคะนองได้

กรมอุตุฯ เตือนจับตา "พายุหินหนามหน่อ" ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น

โดยเส้นทางพายุบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก เช้าวานนี้ (30/8/65) พายุโซนร้อน"หินหนามหน่อ (HINNAMNOR)" ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว ( หินหนามหน่อ (HINNAMNOR หมายถึง ห่านป่า ตั้งชื่อโดย สปป.ลาว กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกยังอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยมาก ยังต้องติดตามเป็นระยะๆ คาดว่าจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่อาจจะดึงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ให้มีกำลังแรงขึ้น ตั้งวันที่ 3 ก.ย.65  เป็นต้นไป

 

ด้านพยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้าระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2565 - 6 กันยายน 2565

กรมอุตุนิยมวิทยาเผย การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

 

กรมอุตุฯ เตือนจับตา "พายุหินหนามหน่อ" ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น

 

ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 6 ก.ย. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

 

กรมอุตุฯ เตือนจับตา "พายุหินหนามหน่อ" ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น

 

ข้อควรระวัง   ในช่วงวันที่ 4 - 6 ก.ย. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมที่เกิดขึ้นไว้ด้วย ที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

 

ขอบคุณ กรมอุตุนิยมวิทยา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews