ชาติเดียวในโลกที่ห้ามสวย หล่อ เกินไป ใครทำต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม

13 มิถุนายน 2566

ชาติเดียวในโลกที่ห้ามสวย - หล่อ ใครทำย้อมผม - ตัดผมเสริมหล่อ เสริมสวยเกินไปถือว่า ต่อต้านสังคม ต้องทำงานในฟาร์ม

ชาติเดียวในโลกที่ห้ามสวย - หล่อ เกินไป ใครทำต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม : แม้ว่าพลเมืองของหลายประเทศสามารถเลือกทรงผมกันได้อย่างเสรี จะตัดจะย้อมอย่างไรก็ได้ ตามใจ แต่ขอให้ออกมาสวย - หล่อ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับชาวเกาหลีเหนือ เพราะการทำแบบนี้ถือเป็น "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" และต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม 

 

ชาติเดียวในโลกที่ห้ามสวย - หล่อ เกินไป ใครทำต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม

 

สำหรับเกาหลีเหนือ ความผิดที่ถือว่าเป็น "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" มีหลายอย่าง เช่น ย้อมผม สวมเสื้อผ้าแบบที่ไม่ผ่านการอนุมัติ และต้มเหล้าเถื่อน "moonshine" และต้องถูกลงโทษด้วยการส่งไปใช้แรงงานหนักตามฟาร์มในชนบท 

 


คำว่า "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" มีความหมายค่อนข้างคลุมเครือ ที่รัฐบาลเกาหลีเหนือใช้อธิบายกิจกรรมที่เป็นแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ ต่างชาติ หรือทุนนิยม 

 

เมื่อปี 2563 เกาหลีเหนือได้ผ่านร่างกฎหมายปฏิเสธปฏิกิริยาความคิดและวัฒนธรรม (Rejection of Reactionary Thought and Culture Act) ที่มีระวางโทษแตกลดหลั่นกันไป เช่น การแอบดูสื่อเกาหลีใต้มีโทษจำคุกหลายปี แต่ก็มีความผิดบางอย่างที่อยู่ในขั้นลหุโทษ ไม่ร้ายแรงเท่าความผิดอื่น เช่น ผู้ที่ถูกจับเมื่อไม่นานมานี้ได้ถูกส่งไปทำงานที่ฟาร์มเป็นเวลา 5 วัน 


หลังจากทำความผิดฐานผลิตหรือจำหน่ายเสื้อผ้าที่ไม่เป็นไปตาม "สไตล์" ของประเทศ ที่เรียกว่า "อูรี" (uri) ที่มีความหมายว่า "ของเรา") แต่ลึกลงไปมีความหมายว่า แนวคิดที่มีต้นกำเนิดหรือเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเกาหลีเหนือ 


- เสื้อผ้าและทรงผม 
เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อผ้าที่เผยให้เห็นไหล่หรือมีตัวอักษรของภาษาต่างประเทศ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม "พฤติกรรมต่อต้านสังคม" ซึ่งเกาหลีเหนือมีหน่วยลาดตระเวน "สันนิบาตยุวชนผู้รักชาติสังคมนิยม" จะคอยจับตาและจัดการกับชายหนุ่มและหญิงสาว ที่ย้อมผมเป็นสีทองหรือสีน้ำตาล, ไว้ผมยาว, สวมกางเกงยีนส์ หรือเสื้อผ้ารัดรูปในที่สาธารณะ 

 

ชาติเดียวในโลกที่ห้ามสวย - หล่อ เกินไป ใครทำต้องถูกส่งตัวไปใช้แรงงานในฟาร์ม

ชาวเกาหลีเหนือที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ทางการได้สั่งให้บรรดาร้านตัดผมและออกแบบทรงผมทั้งสำหรับบุรุษและสตรี งดการย้อมผมให้ลูกค้าเป็นสีน้ำตาลหรือทำทรงผมที่แหวกแนว เช่น ตัดเฉพาะด้านข้างและเหลือด้านหน้าและด้านหลังไว้ ซึ่งคนที่ตัดผมลักษณะนี้จะถูกรวบตัวทันทีเมื่อถูกพบตามท้องถนน นอกจากทรงผมแล้ว คนที่ถูกพบว่าใช้เงินสกุลต่างชาติก็จะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน

 


แหล่งข่าวบอกว่า "ถ้าพวกเขาจับคุณได้ พวกเขาก็จะพาตัวขึ้นรถออกไปยังชนบท และจะบังคับให้ไปปลูกข้าวในนา หรือกำจัดวัชพืชเป็นเวลา 5 วัน แต่การที่คนเหล่านี้ถูกส่งไปทำงานไม่ใช่แค่พวกเขาที่เดือดร้อน เขายกตัวอย่างว่า ที่โรงงานแห่งหนึ่ง มีผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 1 คน ไม่ได้ไปทำงานเพราะถูกส่งตัวไปปลูกข้าว หลังถูกจับได้ว่าสวมเสื้อผ้ากับทรงผมที่ไม่ใช่ "สไตล์ที่กำหนด" ทำให้ทุกเช้าทางโรงงานต้องจัดประชุม และเจ้าหน้าที่ของโรงงานต้องแนะนำพนักงานไม่ให้ถูกจับไปในลักษณะนี้ เพราะทำให้ขาดตำแหน่งงานที่จำเป็นไป 

 


ทั้งนี้ แหล่งข่าวบอกอีกด้วยว่า การกวาดจับครั้่งนี้ดูไม่ปกติ เพราะช่างสอดคล้องกับฤดูทำนาและกำจัดวัชพืช ขณะที่ทางการในเมืองในเมืองชองจิน ก็บุกกวาดจับพวกที่ต้มเหล้าเถื่อนในเขตกักด็อกในช่วงนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่ทราบดีกว่า กังด็อกเปรียบเสมือนสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบเหล้าเถื่อน "นงแทกี" ส่วนที่เรียกว่า moonshine ก็เพราะนิยมต้มกันท่ามกลางแสงจันทร์ไม่สามารถต้มตอนกลางวันได้ เหล้าเถื่อนนี้เป็นรายได้อย่างหนึ่งของชาวเกาหลีเหนือ ช่วงระหว่างปี 2537-2541 หลังเศรษฐกิจล่มสลาย 

 


อย่างไรก็ตาม ชาวเขตกักด็อก จำเป็นต้องประทังชีวิตด้วยการต้มเหล้าเถื่อนนงแทกีจำนวนมาก เพื่อส่งไปขายในพื้นที่รอบ ๆ จังหวัดฮัมกยอง บางคนโชคดีไม่ถูกจับได้และหลายคนถูกจับได้คาหนังคาเขา ผลที่ตามมาคือถูกยึดวัตถุดิบ คือข้าวโพดกับเครื่องกลั่นเหล้า ส่วนคนที่ถูกจับได้จะถูกส่งไปทำไร่ทำนานาน 10 วัน