เผย 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานอย่างไร ไม่ให้ 'ค่าไฟแพง'

07 พฤษภาคม 2566

ทางด้าน 'กฟผ.' เปิด 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าในหน้าร้อน ที่กินไฟสูงสุด และมีผลต่อใบเรียกเก็บค่า 'ไฟแพง' พร้อมแนะนำ วิธีรับมือเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าตังค์

เผย 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานอย่างไร ไม่ให้ 'ค่าไฟแพง'

เผย 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานอย่างไร ไม่ให้ 'ค่าไฟแพง'

 

อย่างที่ทราบกันว่า ราคาพลังงานแพงขึ้นมากๆ  หลายบ้านหลายครัวเรือน ต้องเผเชิญกับบิลค่าไฟฟ้าที่เเพงมากๆในรอบหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ที่หน่วยละ 4.70 บาท ลดลงจากงวดก่อนหน้า 2 สตางค์ แล้วก็ตาม

แต่ประชาชนแทบจะทุกบ้านต้องประสบปัญหาการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเดือนเม.ย. ที่แพงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าเท่าตัวหรือมากกว่านั้น แม้ว่าค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) จะยังคงมีอัตราเท่าเดิม กรณีนี้เป็นผลมาจากการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นโดยเฉพาะการเปิดแอร์เพื่อลดอุณหภูมิความร้อน 

เผย 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานอย่างไร ไม่ให้ 'ค่าไฟแพง'

ทั้งนี้ จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. เป็นต้นไป โดยตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ปีนี้อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35.5 องศาเซลเซียส สูงกว่าปีก่อน ขณะที่บางจังหวัด เช่น สุโขทัย ตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอน คาดว่า อุณหภูมิจะสูงที่สุด  40-43 องศาฯ ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิสูงสุด 38-39 องศา 

เมื่อยิ่งอุณหภูมิสูงมากขึ้น ขณะที่ราคาค่าไฟที่เราต้องควักกระเป๋าจ่าย อยู่ในระดับสูง งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ต้องจ่ายในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น หรือธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ค่าไฟฟ้า เฉลี่ยอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย

เผย 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานอย่างไร ไม่ให้ 'ค่าไฟแพง'

10 เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟในหน้าร้อน 

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ เปิดผลการศึกษา 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันว่าแต่ละประเภท เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทไหนกินไฟสูงสุด เริ่มกันที่

  • อันดับ 1 เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า 3,500-8,000 วัตต์ (เชื่อว่าทุกบ้านจะไม่ได้ใช้ในช่วงหน้าร้อนนี้)
  • อันดับ 2 เตารีดไฟฟ้า (แห้ง-ไอน้ำ) 1,000-2,600 วัตต์
  • อันดับ 3 ไดร์เป่าผม 1,000-2,200 วัตต์
  • อันดับ 4 เตาไมโครเวฟ (20-32 L) 1,000-1,880 วัตต์
  • อันดับ 5 เครื่องปรับอากาศ ชนิด FIXED SPEED (9,000-36,000 BTU/hr) 730-3,300 วัตต์ (ใช้มากสุดในหน้าร้อน)
  • อันดับ 6 เครื่องปรับอากาศ ชนิด INVERTER (9,000-36,000 Btu/hr) 455-3,300 วัตต์
  • อันดับ 7 เครื่องซักผ้า (แบบตั้ง, ถังนอน) 450-2,500 วัตต์
  • อันดับ 8 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า (1-3L) 450-1,000 วัตต์
  • อันดับ 9 ตู้เย็น (40-735 ลิตร, 1.4-26 คิว) 70-145 วัตต์
  • อันดับ 10 พัดลมไฟฟ้า (12 นิ้ว-18 นิ้ว) 35-80 วัตต์ 

วิธีประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้า

ทั้งนี้ กฟผ. มีวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนที่มีคามจำเป็นจะต้องใช้งาน โดยเฉพาะการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 นอกจากจะช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิมเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีฉลากเบอร์ 5

เครื่องปรับอากาศ : ในหน้าร้อนถือว่าใช้งานสูงสุด  ควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว มีขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง ปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท ตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียสเพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาจะช่วยลดค่าไฟฟ้าประมาณ 10 % และล้างแอร์อย่างน้อยทุก 6 เดือน สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 47% 

ตู้เย็น : ควรเลือกใช้ตู้เย็นที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว ลดการเปิด-ปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้นานเกินความจำเป็น ไม่ใส่ของที่อุณหภูมิสูง ไม่ใส่ของแน่นเกินไป และควรวางตู้เย็นห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 49% 

หลอดไฟ : เลือกใช้หลอดไฟแอลอีดี (E27) ขนาด 7 วัตต์ แทนหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) ขนาด 13 วัตต์ และปิดสวิตซ์ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 57%

พัดลม :  เลือกใช้พัดลมที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน เปิดพัดลมเบอร์ 1 ปิดและถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน และหมั่นทำความสะอาดพัดลมอยู่เสมอ สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 43%

เตารีด : เลือกใช้เตารีดที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว รีดผ้าครั้งละมากๆ ไม่พรมน้ำมากเกินไป และถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาณ 2 นาที เพราะความร้อนที่เหลืออยู่ในเตารีดไฟฟ้ายังสามารถรีดผ้าชนิดที่ไม่ต้องการความร้อนมาก สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 43%

โทรทัศน์ : เลือกใช้โทรทัศน์ที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดดาว และถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน สามารถประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น 51%