เปิดตัวชาพันธุ์ใหม่ “ชา กวก.เชียงใหม่ 1” ดันดาวเด่น หอม รสละมุน

กรมวิชาการเกษตรเปิดตัว “ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1” ให้ผลผลิตสูง กลิ่นหอม รสกลมกล่อม พร้อมผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของภาคเหนือ
กรมวิชาการเกษตร เปิดตัว “ชาพันธุ์ใหม่ กวก.เชียงใหม่ 1” ที่มีจุดเด่นให้ผลผลิตสูง ใบบาง กลิ่นหอม และรสชาติกลมกล่อม พร้อมดันเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ภาคเหนือ
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ชาถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของทั้งโลกและประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่สูงในภาคเหนือที่มีสภาพเหมาะสมต่อการเพาะปลูก
ปัจจุบันพันธุ์ชาที่ใช้เพาะปลูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ชาอัสสัม และชาจีน ซึ่งสามารถแปรรูปเป็นชาเขียว ชาอู่หลง และชาดำ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการนำเข้าพันธุ์ชาจากต่างประเทศเพื่อผลิตชาเขียว แม้บางสายพันธุ์ให้คุณภาพยอดดี แต่ยังพบข้อจำกัดด้านความสม่ำเสมอของผลผลิตและการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อม จึงเป็นเหตุผลที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ชาจีนเพื่อผลิตชาเขียวที่ให้ผลผลิตดีและมีรสชาติที่โดดเด่น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ได้รวบรวมเมล็ดชาจากทั้งในและต่างประเทศจำนวน 3,500 ต้น ปลูกในพื้นที่ 37 ไร่ เมื่อเจริญเติบโตแล้วจึงเริ่มคัดเลือกต้นชาคุณภาพ 50 ต้น โดยใช้เกณฑ์การเจริญเติบโตและผลผลิตเป็นหลัก จากนั้นดำเนินการคัดเลือกตามแผนการคัดเลือกสายต้น โดยเน้นผลผลิตและคุณภาพการแปรรูป ลดเหลือ 35 สายพันธุ์ ก่อนคัดซ้ำจากความสม่ำเสมอด้านคุณภาพการแปรรูปและการทดสอบรสชาติจนได้ 19 สายพันธุ์ นำมาปักชำปลูกเป็นแถวเพื่อประเมินความสม่ำเสมอทางการเกษตรและผลผลิต คัดเหลือ 5 สายพันธุ์ และคัดซ้ำอีกครั้งจากคุณภาพชาและความสามารถในการขยายพันธุ์ จนได้สายพันธุ์โดดเด่น คือ “ชาสายพันธุ์แม่จอนหลวงเบอร์ 3” นำไปเปรียบเทียบกับพันธุ์การค้า พบว่าให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม จึงเสนอให้คณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร รับรองเป็นพันธุ์แนะนำและตั้งชื่อว่า “ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1”
ด้าน นางสาวศิรากานต์ ขยันการ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ กล่าวว่า ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1 มีทรงพุ่มกะทัดรัด แข็งแรง และแตกยอดสม่ำเสมอ เหมาะต่อการปลูกเชิงพาณิชย์ โดยมีจุดเด่นคือให้ผลผลิตเฉลี่ย 958.08 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ใบบางเฉลี่ยเพียง 0.11 มิลลิเมตร ทำให้การสกัดสารต่างๆ มีประสิทธิภาพสูง ได้ชาที่กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อมไม่ฝาด เหมาะต่อการดื่มตลอดวัน จากการประเมินด้านประสาทสัมผัสและการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีพบว่า มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับแปรรูปเป็นชาเขียวมากกว่าพันธุ์การค้า นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนใบต่อก้านเฉลี่ย 4.10 ทำให้ใบมีสัดส่วนมากกว่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการผลิตชาและส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณโดยตรง
“ปัจจุบันศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่มีแปลงแม่พันธุ์จำนวน 2,000 ต้น อยู่ในช่วงอายุเหมาะสม สามารถให้กิ่งพันธุ์เฉลี่ย 10-15 กิ่งต่อต้นต่อปี รวมประมาณ 20,000-30,000 กิ่งต่อปี หากนำไปปักชำในระบบเรือนเพาะชำมาตรฐานจะมีอัตรารอด 80-90% คาดว่าจะผลิตต้นชาใหม่ได้ประมาณ 16,000-27,000 ต้นต่อปี จากแม่พันธุ์ 2,000 ต้น ซึ่งเพียงพอต่อการปลูกตั้งแต่ระดับไร่ไปจนถึงแปลงใหญ่ เกษตรกรหรือผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘ชาพันธุ์กวก.เชียงใหม่ 1’ ได้ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5311 4133-6” นางสาวศิรากานต์ กล่าว

เปิดตัวชาพันธุ์ใหม่ “ชา กวก.เชียงใหม่ 1” ดันดาวเด่น หอม รสละมุน

เจ้าของรถเปิดฝากระโปรง เจอเม็ดปริศนา รู้ตัวการยิ่งทำให้ปวดหัว

ลูกค้าลมจับเงิน 59 ล้านหายเกลี้ยง ล้มทั้งยืนรู้เหตุผลไม่ได้คืน

เปิดดวงคน 3 ราศี ดวงดีมาก ความสำเร็จจะเกิดขึ้นมากกว่าที่คาดคิด
















