เทคนิคขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย | วิธีป้องกันรถเสียหาย

เรียนรู้วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงเครื่องยนต์ดับและรถเสียหาย พร้อมเทคนิคการเตรียมตัวก่อนลุยน้ำและข้อควรปฏิบัติหลังผ่านน้ำท่วม
การขับรถลุยน้ำท่วมถือเป็นสถานการณ์ที่ผู้ใช้รถจำนวนมากต้องเผชิญในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มักมีน้ำท่วมขัง หากขับโดยไม่ระมัดระวัง ไม่เพียงแต่เสี่ยงอันตรายต่อผู้ขับขี่ แต่ยังสร้างความเสียหายต่อรถยนต์ได้อย่างร้ายแรง บทความนี้จะพาไปรู้ เทคนิคการขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย ที่ควรนำไปใช้จริง
การเตรียมตัวก่อนขับลุยน้ำ
- ประเมินระดับน้ำ
หากระดับน้ำสูงเกินกว่าครึ่งล้อรถ หรือขอบประตูด้านล่าง ไม่ควรเสี่ยงขับผ่าน เพราะอาจทำให้น้ำเข้าห้องโดยสาร ระบบไฟฟ้าเสียหาย หรือเครื่องยนต์ดับได้
- ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า
ตรวจสอบข้อมูลการจราจรและประกาศเตือนภัยน้ำท่วมจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ หากเส้นทางเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงหรือจอดรอให้น้ำลดลง
เทคนิคการขับรถลุยน้ำ
1. ปิดแอร์ทันที – พัดลมแอร์อาจพัดน้ำเข้าห้องเครื่องจนเกิดความเสียหายได้
2. ใช้เกียร์ต่ำ – รถเกียร์ธรรมดาใช้เกียร์ 1–2 ส่วนรถเกียร์ออโต้เลือกเกียร์ L หรือเกียร์ 1 เพื่อรักษารอบเครื่องให้สม่ำเสมอ
3. ลดความเร็ว – ขับช้า ไม่ควรเกิน 60 กม./ชม. เพื่อป้องกันการเสียการทรงตัวและลดแรงกระแทกของคลื่นน้ำ
4. เว้นระยะห่าง – ควรห่างจากรถคันหน้าอย่างน้อย 50 เมตร เพื่อมีระยะเบรกที่ปลอดภัย
5. เลือกเลนกลาง – โดยทั่วไปเป็นจุดที่น้ำท่วมน้อยที่สุด
6. ขับต่อเนื่อง – อย่าจอดแช่น้ำเป็นเวลานาน ควรเลี้ยงคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำ
- ย้ำเบรกเบาๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกและตรวจสอบการทำงาน
- อย่าดับเครื่องทันที ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานสักครู่ เพื่อให้น้ำระเหยออก
- หากเครื่องยนต์ดับ ห้ามสตาร์ทซ้ำ เพราะจะทำให้น้ำไหลเข้าระบบเครื่องยนต์ ควรเข็นรถออกจากน้ำหรือเรียกช่างมาช่วย
การขับรถลุยน้ำท่วมมีความเสี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง แต่ถ้าจำเป็นต้องขับจริงๆ ควรปฏิบัติตามเทคนิคข้างต้นอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์

กรมอุตุฯเตือน วันนี้ฝนถล่มหนัก หลายจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

ร้อนฉ่า หุ้นส่วนออม สุชาร์ โชว์คำฟ้อง ลั่นความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

"สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์" เชิญร่วมงานประกาศรางวัล "ข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ปี 2568"

ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 21 กันยายนนี้
