ข่าว

heading-ข่าว

หมอเจด เตือน ไม่อยาก เบาหวาน-ตับพัง อย่ากิน "มะม่วง" แบบนี้เด็ดขาด

22 พ.ค. 2568 | 14:42 น.
หมอเจด เตือน ไม่อยาก เบาหวาน-ตับพัง อย่ากิน "มะม่วง" แบบนี้เด็ดขาด

มะม่วงไม่ใช่ผู้ร้าย แต่คนกินต้องฉลาด! หมอเจดแนะกินพอดี ไม่เปล่า ๆ บนท้องว่าง เลี่ยงก่อนนอน ลดเสี่ยงเบาหวาน-ตับพัง

มะม่วงหวานแค่ไหนก็ต้องระวัง! หมอเจดเผยกินมากไปน้ำตาลพุ่ง ไขมันพอกตับถามหา แนะวิธีกินอย่างฉลาด ปลอดภัยสุขภาพดี

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่

หมอเจด เตือน ไม่อยาก เบาหวาน-ตับพัง อย่ากิน มะม่วง แบบนี้เด็ดขาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มะม่วงหวานปาก...แต่ถ้าไม่กินไม่ยั้ง อาจกลายเป็นเบาหวาน-ไขมันพอกตับ!”

ช่วงนี้มะม่วงสุกหวานฉ่ำเต็มตลาด มะม่วงน้ำดอกไม้ ฟ้าลั่น เขียวเสวย ส้มโอ แค่มองก็ใจสั่นแล้ว แต่ในฐานะแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันพอกตับ และคนที่อยากลดน้ำหนัก อยากชวนทุกคน “กินมะม่วงอย่างมีสติ” ด้วย 5 ข้อนี้

1. มะม่วงคือผลไม้ที่มี “น้ำตาลธรรมชาติสูง” โดยเฉพาะมะม่วงสุก
น้ำตาลในมะม่วงส่วนใหญ่คือฟรุกโตส (fructose) ซึ่งมีข้อดีคือไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งแรงเท่ากลูโคส แต่มีข้อเสียคือ ตับเป็นอวัยวะเดียวที่เผาผลาญฟรุกโตสได้ และถ้ากินมากเกินร่างกายต้องการ ฟรุกโตสจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน (de novo lipogenesis) → พอกในตับได้ง่ายๆโดยไม่ทันรู้ตัว ดังนั้นถึงจะเป็น “น้ำตาลธรรมชาติ” ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป

2. ปริมาณที่แนะนำสำหรับคนทั่วไปไม่ควรเกินครึ่งลูกกลาง/วัน และควรเลี่ยงมื้อเย็นเด็ดขาด
มะม่วงสุก 1 ลูกขนาดกลาง (~200 กรัม) ให้พลังงานราว 130–150 kcal และมีน้ำตาลรวมประมาณ 30 กรัม (เทียบเท่าน้ำตาลทรายประมาณ 7.5 ช้อนชา) ถ้าเป็นคนที่สุขภาพดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจกินได้วันละครึ่งลูก แต่ว่าอย่ากินหลัง 6 โมงเย็น เพราะช่วงเย็น–ค่ำเป็นช่วงที่การเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง ถ้ามีอินซูลินสูงร่วมด้วย → น้ำตาลถูกเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บสะสมทันที

3. ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงมะม่วงสุก หรือแบ่งกินทีละ 2–3 ชิ้นเล็กพร้อมโปรตีนหรือไขมันดีเพื่อลด glycemic impact
เพราะน้ำตาลในมะม่วงซึมซาบเร็วมาก กินเปล่าๆ บนท้องว่าง = น้ำตาลพุ่ง! ทางที่ดีควรกินร่วมกับแหล่งโปรตีน เช่น ถั่ว หรือไข่ต้มครึ่งฟอง หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ จะช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล แต่ถ้ากินตอนท้องว่าง หรือกินพร้อมข้าวเหนียว ลำไย ทุเรียนต่อๆ กัน คือ สูตรลัดสู่เบาหวานและตับพัง ในอนาคต

4. ถ้าอยากได้ใยอาหารจากมะม่วงมากกว่า ควรกินมะม่วงดิบ หรือมะม่วงสุกแบบไม่ปอกเปลือกจนเกลี้ยง
มะม่วงดิบ เช่น มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงแรด มีใยอาหารและพลังงานต่ำกว่าเยอะ และน้ำตาลไม่พุ่งสูงเท่ามะม่วงสุก ถ้าเป็นมะม่วงสุก แนะนำให้ “ไม่ปอกเปลือกชิดเนื้อ” เกินไป เพราะเนื้อใกล้เม็ดจะมีไฟเบอร์มากกว่าเนื้อหวานตอนกลางลูก แต่ถ้าใครเลือกมะม่วงดิบ → ระวังเรื่อง “น้ำปลาหวาน” ด้วยนะครับ เพราะส่วนใหญ่น้ำตาลหนักกว่าเนื้อมะม่วงซะอีก

5. ห้ามเข้าใจผิดว่าการกินมะม่วงแทนข้าวเป็นวิธีลดน้ำหนัก เพราะสุดท้ายคือการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลแบบเนียนๆ
หลายคนบอก “ไม่กินข้าวเลย กินแต่ผลไม้” ฟังดูดีแต่แฝงภัย เพราะผลไม้รสหวานโดยเฉพาะมะม่วงสุกมีค่า glycemic load สูง กินเยอะ ๆ เหมือนเทราดน้ำตาลลงกระแสเลือด แถมไม่มีโปรตีน → เสี่ยงสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และเมื่อกล้ามลด → อินซูลินทำงานหนักขึ้นอีก → ดื้ออินซูลินไวขึ้น

สรุปง่าย ๆ ว่า มะม่วงไม่ใช่ผู้ร้าย...แต่คนกินต้องฉลาด
กินพอประมาณ ไม่กินเปล่า ๆ ตอนท้องว่าง ไม่กินก่อนนอน ไม่เชื่อว่ากินผลไม้แทนข้าวแล้วจะผอม แค่นี้ก็อร่อยอย่างปลอดภัย และไม่กลายเป็นเบาหวานหรือไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัวครับ
ใครรักมะม่วงเหมือนผม ฝากแชร์โพสต์นี้ แล้วติดแฮชแท็ก มะม่วงเมตาบอลิก หวานพอดีดีต่อสุขภาพ
หมอเจดชวนกินอย่างมีสติ แล้วสุขภาพดีจะตามมาเองครับ!

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

3 ราศี ดวงชะตาเดือนนี้ ระวังเรื่องเพื่อนใกล้ตัว และคนรักให้ดี

3 ราศี ดวงชะตาเดือนนี้ ระวังเรื่องเพื่อนใกล้ตัว และคนรักให้ดี

"พยากรณ์อากาศทั่วไทย 4 ธ.ค. เหนือเย็น–อีสานลด 1–2 องศา"

"พยากรณ์อากาศทั่วไทย 4 ธ.ค. เหนือเย็น–อีสานลด 1–2 องศา"

ดวง 12 เดือนเกิด ธ.ค. 68 พบบางเดือนสุดปัง มีโชคลาภเข้ามา

ดวง 12 เดือนเกิด ธ.ค. 68 พบบางเดือนสุดปัง มีโชคลาภเข้ามา

ตร.พูดถึง "เวย์ ไทเทเนียม" หลัง "นานา ไรบีนา" ภรรยาถูกจับคาบ้าน

ตร.พูดถึง "เวย์ ไทเทเนียม" หลัง "นานา ไรบีนา" ภรรยาถูกจับคาบ้าน

กองทัพภาคที่ 2 บรรจุญาติของกำลังพลที่เสียชีวิตจากการรบ

กองทัพภาคที่ 2 บรรจุญาติของกำลังพลที่เสียชีวิตจากการรบ