เตือน "5อาหาร" ไม่หวาน แต่น้ำตาลสูงมาก หมอเจดเผย หลายคนกินทุกวัน

กินไม่หวาน แต่น้ำตาลพุ่ง หมอเจดเผย 5 อาหารที่ดูเฮลท์ตี้แต่ซ่อนน้ำตาลไว้เพียบ แนะวิธีกินให้ปลอดภัย ไม่ต้องงดแต่อย่าชะล่าใจ
โยเกิร์ต ขนมปัง ซอส หรือแม้แต่น้ำสลัด อาจดูดีแต่แฝงน้ำตาลสูง หมอเจด เตือน อย่าตกหลุมพรางสุขภาพ ควรอ่านฉลากให้ชัดก่อนกิน
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
จริงๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าอาหารบางอย่างที่เรากินกันอยู่ทุกวัน จริงๆ แล้วแอบมี “น้ำตาลแฝง” เยอะกว่าที่คิดนะ เรื่องนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่กำลังลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร หรือกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพ อย่างผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือไขมันพอกตับ เพราะการกินน้ำตาลเกินโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งโดยไม่ทันระวัง
ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลก แนะนำต่อวันก็คือ 25 กรัมหรือ 6 ช้อนชาสำหรับผู้ใหญ่
วันนี้เลยอยากให้ฟัง 5 อาหารที่ดูไม่หวาน แต่มีน้ำตาลสูง พร้อมแนะนำวิธีกินให้ปลอดภัยแบบไม่ต้องอดของอร่อย
1. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (Plain Yogurt)
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ฟังดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพ แต่บางยี่ห้อที่ขายทั่วไปก็ใส่น้ำตาลเพิ่มเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น กินง่ายขึ้น ถ้าอ่านฉลากดีๆ โยเกิร์ตบางถ้วยนี่น้ำตาลพุ่งไปถึง 10-15 กรัมต่อถ้วย (150 กรัม) เลยนะ
แล้วทำไมน้ำตาลมันเยอะขนาดนี้
•จริงๆ โยเกิร์ตมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่แล้วจาก “แลคโตส” (Lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่อยู่ในนม•แต่หลายยี่ห้อใส่น้ำตาลฟรุกโตสหรือซูโครส (น้ำตาลทราย) เพิ่มเข้าไปเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น
แนะนำว่า ถ้าต้องการลดน้ำตาล เลือกกินเป็นกรีกโยเกิร์ตแทน เพราะกรีกโยเกิร์ตมีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่า โดยทั่วไปมีน้ำตาลประมาณ 4-7 กรัมต่อถ้วย (150 กรัม)
2. น้ำสลัด (Salad Dressing)
หลายคนกินสลัดเพื่อลดน้ำหนัก ฟังดูเหมือนจะดีต่อสุขภาพ แต่ของที่กินคู่กันก็คือน้ำสลัดใช่ไหม? ปัญหาคือ น้ำสลัดบางชนิด อย่างซีซาร์ น้ำสลัดงาญี่ปุ่น หรือบัลซามิก แม้ไม่หวาน แต่แอบมีน้ำตาลสูงมาก น้ำสลัด 1-2 ช้อนโต๊ะนี่น้ำตาลอาจสูงถึง 5-7 กรัม เลย!
แล้วทำไมน้ำตาลเยอะขนาดนั้น?
•น้ำตาลช่วยให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น โดยเฉพาะสูตรไขมันต่ำที่ต้องใช้ความหวานกลบความจืด
•น้ำตาลที่ใช้ก็มีตั้งแต่ไซรัปข้าวโพดฟรุกโตสสูง (High Fructose Corn Syrup) ไปจนถึงซูโครส
ใครที่ชอบกินสลัด ลองทำน้ำสลัดเองก็ได้นะ ใช้น้ำมันมะกอก น้ำมะนาว เกลือเล็กน้อย ก็ได้รสชาติสดชื่นแถมลดน้ำตาลได้เยอะ
3. ขนมปังโฮลวีต (Whole Wheat Bread)
ขนมปังโฮลวีตฟังดูเป็นตัวเลือกสุขภาพ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าทุกยี่ห้อจะดีเสมอไป เพราะบางยี่ห้อใส่น้ำตาลหรือไซรัปเพิ่มเข้าไปเพื่อให้เนื้อขนมปังนุ่มฟู แม้จะไม่หวานชัด แต่ขนมปังบางชนิดนี่น้ำตาล 4-6 กรัมต่อแผ่น เลย
แล้วทำไมน้ำตาลต้องเยอะ?
•น้ำตาลช่วยให้ขนมปังขึ้นฟูและเก็บความชุ่มชื้นได้นาน
•บางยี่ห้อใช้ไซรัปข้าวโพดหรือมอลโทเด็กซ์ตริน ซึ่งย่อยเร็วมาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นเร็ว
ถ้าจะกิน เลือกเป็นขนมปังโฮลวีตที่มีส่วนผสมเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole Grain) และดูที่ฉลากว่ามีน้ำตาลน้อยที่สุด หรือถ้าอยากลดน้ำตาลไปอีก ขนมปังซาวร์โดวจ์ (Sourdough) เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
4. ซอสมะเขือเทศ (Ketchup)
ซอสมะเขือเทศ ใครจะคิดว่าเครื่องปรุงรสที่มีรสเปรี้ยวๆ แต่จริงๆ น้ำตาลไม่น้อยเลยนะ ซอสมะเขือเทศที่ขายทั่วไปมีน้ำตาลสูงถึง 4-5 กรัมต่อช้อนโต๊ะ เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวเกินไป
แล้วทำไมน้ำตาลต้องเยอะ?
•น้ำตาลที่ใช้ในซอสมะเขือเทศส่วนใหญ่เป็นฟรุกโตส (Fructose) ซึ่งมาจากไซรัปข้าวโพดฟรุกโตสสูง (High Fructose Corn Syrup)
•การกินฟรุกโตสมากๆ อาจเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ (Non-alcoholic fatty liver disease)
ลองลดปริมาณ ใส่น้อยๆ หรือใช้มะเขือเทศสดปั่นแทนซอสก็ได้
5. เนื้อสัตว์แปรรูป (Processed Meats)
เนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอก แฮม หรือเบคอน ใครจะไปคิดว่ามันจะมีน้ำตาล? จริงๆ แล้วน้ำตาลถูกใช้ในการหมักหรือเพิ่มรสชาติให้เนื้อสัตว์ ทำให้แม้จะมีรสเค็ม แต่แอบมีน้ำตาลแฝงอยู่ บางชนิดนี่น้ำตาลสูงถึง 3-5 กรัมต่อ 100 กรัม
เพราะน้ำตาลช่วยให้เนื้อสัตว์มีสีสวย เก็บได้นานขึ้น ใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหมักเพื่อปรับรสชาติ เลือกกินเป็นเนื้อสัตว์สดดีกว่าครับ
อาหารหลายอย่างที่พูดมาอาจดูไม่หวาน
แต่กินแล้วน้ำตาลอาจพุ่งได้นะ
การดูแลสุขภาพด้วยการลดน้ำตาลไม่ใช่แค่การเลี่ยงของหวานเท่านั้น ลองอ่านแล้วเอาไปปรับนะครับ และยังมีอีกหลายอย่างที่มีน้ำตาลแฝง ลองดูดีๆ นะครับ หรืออ่านฉลาก
และถ้าอยากให้สุขภาพดียิ่งขึ้นก็ลองออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือเต้นเบาๆ ที่บ้านก็ได้ครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ ผมยินดีตอบครับ