สังคม

heading-สังคม

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

28 ต.ค. 2564 | 13:17 น.
เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

จากข่าวการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยผลอนามัยโพลถึงความกังวลของคนไทยกับการเปิดประเทศ

นับถอยหลังอีกไม่กี่อึดใจแล้วหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศวาระสำคัญถึงเรื่องการเปิดประเทศ ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่กำลังระบาดในประเทศไทยนั้น ดูเหมือนว่าจากการประเมินของคณะรัฐมนตรีและศูนย์ควบคุมโควิดจะเห็นพ้องต้องกันและไม่มีแผนจะล้มเลิกหรือชะลอการเปิดประเทศออกไป

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเมื่อไทยเตรียมเปิดประเทศอย่างพร้อมเพรียงแล้วนั้น ซึ่ง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยผลอนามัยโพล เปิดเมือง เปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าประชาชน ร้อยละ 92.4 พื้นที่ท่องเที่ยวใน 17 จังหวัด กังวลกับการเปิดประเทศ กังวลระบาดระลอกใหม่จากสถานบันเทิง 75.8 %  แนะผู้มารับบริการร่วมตรวจสอบสุถานประกอบการ ขอความร่วมมือทุกคนเข้มตามมาตรการ Universal Prevention เพื่อลดเสี่ยงการแพร่กระจายของโควิด

แม้สถานการณ์การติดเชื้อและแพร่ระบาดของไวรัสมรณะจะมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนในระดับคงที่ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งผู้ป่วยได้รับการรักษา จนหายเป็นปกติมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น การเปิด พื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยว 17 จังหวัด จึงเป็นปัจจัยเอื้อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาประเทศได้มากขึ้น เป็นการกระตุ้นในระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

 

ใช่ว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความสบายใจแก่ประชาชน เพราะผลสำรวจ กรมอนามัย กลับพบว่าประชาชนพื้นที่นำร่อง 17  จังหวัดกังวลกับการเปิดประเทศว่าจะมีการระบาดระลอกใหม่จากสถานบันเทิง ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย  อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในการแถลงข่าวประเด็น "มาตรการ UP เปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ" ว่า กรมอนามัยได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนหรือ อนามัยโพลล์ เรื่อง "ความกังวล กับการเปิดเมือง เปิดประเทศ เริ่ม 1 พ.ย.2564" ระหว่างวันที่ 14-25 ต.ค.2564 ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวใน 17 จังหวัด

ผลจากการสำรวจพบว่า 92.4% มีความกังวล ซึ่งเรื่องที่กังวลมากที่สุด คือ เกิดการระบาดระลอกใหม่ 75.8 % รองลงมา ประชาชนการ์ดตกและไม่ป้องกันตนเอง 49.7 % สถานประกอบการ สถานที่ท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 45.10% กลัวตนเองและครอบครัวติดเชื้อ 41% มาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศอาจไม่ดีพอ 39.6% กังวลกว่าจะเกิดการล็อกดาวน์อีกครั้ง 37.1 % จำนวนเตียงไม่พอเพียง 31.7 % และอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ ประสิทธิภาพวัคซีน 2.1 %

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

สำหรับสถานประกอบการ/กิจการใด ที่กังวลว่าจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่หลังจากเปิดเมือง เปิดประเทศ เริ่ม 1 พ.ย.2564 พบว่า สถานบันเทิง ผับ บาร์ 89.2 % ขนส่งสาธารณะ 43.1 % สถานที่ท่องเที่ยว 39.8% สถานศึกษา 39.2% ตลาด 37.4 % ห้างสรรพสินค้า 34.1% ร้านอาหาร 28.8 % โรงแรม รีสอร์ท 24% ร้านสะดวกซื้อ 17.9 % ศาสนสถาน 16.4% ไม่กังวลว่าจะมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น 5.5% และสถานประกอบการอื่นๆที่กังวล เช่น สถานที่ทำงาน โรงงาน ร้านนวด ฟิตเนส สนามกีฬา 3.1%

 

นอกจากนี้ มาตรการที่ประชาชนเห็นว่าควรที่จะเพิ่มเพื่อทำให้เชื่อมั่นว่าเปิดเมือง เปิดประเทศแล้วจะปลอดภัย 5 อันดับแรก ได้แก่

1. เร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศครบ 2 เข็มครอบคลุมทุกจังหวัด 70 %ขึ้นไป 72.53 %
2. คุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดน 60.58 %
3. กำกับติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการและประชาชนอย่างเคร่งครัด 55.10 %
4. เร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวครบ 2 เข็ม ครอบคลุม 70 %ขึ้นไป 52.72%
5. สนับสุนนชุดตรวจATKให้ทุกคนในพื้นที่ท่องเที่ยว

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ภายหลังการเปิดเมือง เปิดประเทศ กรมอนามัย ได้กำหนดให้มีการดำเนินงานเพื่อกำกับดูแลกิจการประเมิน ติดตาม และเฝ้าระวัง สถานประกอบการต่างๆ เป็น 3 ส่วนหลัก คือ

1. Self Certification : ให้สถานประกอบการทุก Setting ลงทะเบียน ประเมินตนเองบนระบบ Thai Stop COVID Plus เพื่อยกระดับตามมาตรการ COVID Free Setting และให้ทุกสถานประกอบการติด E-Certificated ในจุดที่ผู้ใช้บริการเห็นเด่นชัด


2.  People Voice : ประชาชนสามารถประเมิน แนะนำ ติชม ร้องเรียน สถานประกอบการในพื้นที่ COVID Free Area/Zone ผ่านช่องทาง QR Code ใน E-Certificate , Website Thai Stop COVID Plus และ เฟซบุ๊ก “ผู้พิทักษ์อนามัย (COVID Watch)” และ

3. Active Inspection : จัดตั้งคณะกรรมการ ร่วมตรวจ กำกับ COVID Free Area/Zone ภาครัฐและภาคประชาชน ตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ กำกับมาตรการตาม พรบ.การสาธารณสุข และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จัดทำ Checklist และเป้าหมาย โดยตรวจสอบข้อมูลบน Thai Stop COVID Plus ให้คำแนะนำ ตักเตือน กิจการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด (พรบ.การสาธารณสุข พรบ.โรคติดต่อ พรบ.สถานบริการ และ พรก.ฉุกเฉิน)

 

อธิบดีกรมอนามัย อธิบายอย่างละเอียดว่า "เมื่อเปิดเมือง เปิดประเทศแล้ว คณะกรรมการบูรณาจากหลายภาคส่วนจะต้องตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ กำกับมาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จัดทำเช็คลิสต์และเป้าหมายสถานประกอบการจากฐาน Thai Stop COVID ไม่น้อยกว่า 20 % และตรวจสอบสถานประกอบการที่ประชาชนร้องเรียน 100 %

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

และทำหน้าที่ให้คำแนะนำ ตักเตือน กิจการที่ปฏิบัติตามมาตราการที่ถูกต้อง โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครเป็นผู้พิจารณาจัดตั้งทั้งนี้ ขอความร่วมผู้ประกอบการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ให้ผู้มารับบริการร่วมตรวจสอบอย่างน้อย 5 %ของผู้รับบริการ หรืออย่างน้อย 5 คนต่อวันต่อร้าน" 

 

ทั้งนี้ การป้องกันตนเองหลังเปิดประเทศ ประชาชนและะนักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติเข้มตามมาตรการ Universal Prevention เปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ โดยควรเลือกไปสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ CFS, SHA+ ขอความร่วมมือ แสดงการได้รับวัคซีนหรือผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อก่อนเข้าสถานที่ ให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 - 2 เมตร ในทุกสถานที่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่แออัด หรือระบายอากาศไม่ดี 

และงดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน สวมหน้ากาก (ถูกต้อง) ตลอดเวลา ทั้งขณะออกนอกที่พักและอยู่ในที่พักร่วมกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ล้างมือบ่อย ๆ ทุกครั้งก่อน และหลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ ไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน หากสงสัยว่ามีความเสี่ยง หรือมีอาการ ควรงดออกจากที่พัก ตรวจตนเอง ด้วย ATK และปรึกษาสถานพยาบาลใกล้เคียง 

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้ 3 รูปแบบ คือ เข้าประเทศไม่ต้องกักตัว 45 ประเทศ 1 เขตบริหารพิเศษ , การเข้าแซนด์บ็อกซ์ท่องเที่ยว 7 วัน และเข้ารับการกักตัวในสถานที่กำหนด 7-14 วันตามเกณฑ์ที่กำหนด

โดย 2 รูปแบบแรกเฉพาะผู้เดินทางทางอากาศเข้าประเทศที่ได้รับวัคซีนครบโดส มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง มีประกันสุขภาพ 5 หมื่นเหรียญ มีหลักฐานการจองที่พัก และเมื่อมาถึงประเทศไทยได้รับการตรวจ RT-PCR วันแรกทันที ก่อนที่จะเดินทางต่อหรือท่องเที่ยวในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ แต่หากไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์จะเข้าสู่รูปแบบการกักตัว โดยพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ท่องเที่ยว วันที่ 1 พ.ย. ได้กำหนดเพิ่มเป็น 17 จังหวัด

 

สำหรับ กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมใน 5 ด้าน


1. การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่ขั้นตอนลงทะเบียนก่อนเดินทาง ขั้นตอนการตรวจสอบที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และการเดินทางจากท่าอากาศยานจนถึงโรงแรมในลักษณะปิด (Sealed Route) และการตรวจหาการติดเชื้อในประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านกระบวนการและไม่มีการติดเชื้อ อีกทั้งมีความปลอดภัยเมื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนวัคซีนให้จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เพื่อฉีดให้ประชาชนให้ครอบคลุมเพียงพอเป็นการควบคุมการระบาดและสร้างความมั่นใจให้ทุกภาคส่วน

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในผู้เดินทางเข้าในประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ และการตรวจสายพันธุ์กลายพันธุ์

3. มาตรการ COVID Free Setting ในสถานประกอบการพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID Plus มีใบรับรองและ QR Code ที่ให้ประชาชนสแกนเพื่อตรวจสอบและประเมินร้องเรียนได้ และมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ 


4. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้สถานพยาบาลประเมินตนเอง พร้อมเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล และ 5.เวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง ซึ่งขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์ 26.2 ล้านเม็ด ยาเรมเดซิเวียร์ 74,284 ขวด และเวชภัณฑ์ต่างๆ ภาพรวมคงคลังประมาณ 3-6 เดือน และสามารถจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่องตลอดเวลา

เผยผลสำรวจ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ คนไทยกังวลเรื่องอะไร มากที่สุด

ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

ไม่รอด รวบแล้วหนุ่มทำร้าย "บาร์บี้ภูเก็ต" สาวสองคนดังเลือดอาบ

ไม่รอด รวบแล้วหนุ่มทำร้าย "บาร์บี้ภูเก็ต" สาวสองคนดังเลือดอาบ

เตือนวิกฤตไทยสูงวัยเต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุลดลง

เตือนวิกฤตไทยสูงวัยเต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุลดลง

Instagram เผือกเก่ง แต่ไม่ดักฟัง ยันไม่ใช้ไมโครโฟนแอบฟังผู้ใช้

Instagram เผือกเก่ง แต่ไม่ดักฟัง ยันไม่ใช้ไมโครโฟนแอบฟังผู้ใช้

30 องค์กรสิทธิมนุษยชนร่วมปกป้อง “อังคณา” หลังถูกโจมตีเหตุชายแดน

30 องค์กรสิทธิมนุษยชนร่วมปกป้อง “อังคณา” หลังถูกโจมตีเหตุชายแดน

AI เข้ามาแทนที่ เด็กจบใหม่เผชิญวิกฤตการหางานครั้งใหม่

AI เข้ามาแทนที่ เด็กจบใหม่เผชิญวิกฤตการหางานครั้งใหม่