ผู้ประกันตน ม.33 ตร. เตือนระวังมิจฉาชีพ หลอกขอข้อมูล

27 กันยายน 2564

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยผู้ประกันตน มาตรา 33 ระวังมิจฉาชีพฉวยโอกาสแอบแฝงมากับการจ่ายเงิน หลอกขอข้อมูล

วันนี้ (27 ก.ย. 64) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชนให้คิดก่อนคลิก กรณีที่อาจจะมีเหล่ามิจฉาชีพฉวยโอกาสแอบแฝงตัวมากับการจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยระบุว่า ในปัจจุบันที่ยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและองค์กรต่างๆ ทางรัฐบาลจึงมีโครงการในการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นเงินจำนวน 2,500 บาท ต่อคนต่อเดือน ครั้งที่ 2 จะเริ่มโอนเข้าบัญชีในวันที่ 27-28 ก.ย. 64

ตร.เตือนผู้ประกันตน ม.33 ระวังมิจฉาชีพ

อาจมีเหล่ามิจฉาชีพที่อาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด โดยอาจจะมาในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ปลอม หรือการส่ง SMS ทางโทรศัพท์มือถือ หรือลิงค์ต่างๆ ที่มีลักษณะให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล เลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขบัตรเครดิต หรือให้ใส่รหัส OTP เป็นต้น เมื่อได้ใส่ข้อมูลลักษณะดังกล่าวไปแล้วเหล่ามิจฉาชีพก็อาจจะนำข้อมูลที่ได้ไปหาประโยชน์ในทางมิชอบและทำให้ได้รับความเสียหายในอนาคต จึงขอให้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองให้ชัดเจน และปฏิบัติตามขั้นตอนที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

ตร.เตือนผู้ประกันตน ม.33 ระวังมิจฉาชีพ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโทม ได้มีความห่วงใยในเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนนโยบาย โดยการสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยให้ทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

 

การกระทำในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

จึงขอฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ อย่าหลงเชื่อข้อมูลการโพสต์ หรือลิงค์ที่แนบมาพร้อมกับ SMS ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาที่ไป ห้ามเปิดลิงค์ดังกล่าวอย่างเด็ดขาดและห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ผ่านระบบออนไลน์หากยังไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หากพบข้อความที่น่าสงสัย ให้สอบถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเสียก่อน ในกรณีหลงเชื่อไปแล้ว ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร สถาบันทางการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews