หมอชายแดน ขอแรงให้ประชาชนอยู่แบบน้ำกับน้ำมัน

13 กุมภาพันธ์ 2564

เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน เล่าถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่จังหวัดตาก ถือว่าเป็นพื้นที่ชายแดน และผู้ป่วยสูงมากจนเริ่มเหนื่อยล้า

วันที่ 13 ก.พ. 2564 เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน เล่าถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่จังหวัดตาก ถือว่าเป็นพื้นที่ชายแดน และผู้ป่วยสูงมากจนเริ่มเหนื่อยล้า แต่ก็ยังมีกำลังใจดีแม้ว่ากำลังกายจะถดถอยไปบ้าง ได้แรงหนุนเสริมจากพี่น้องสาธารณสุขทั้งในจังหวัดตากเองและในเขตสุขภาพที่ 2 มาช่วยตลอด... หายไปหลายวันเลยไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟังเพราะมัวแต่วุ่นรับเคสที่เพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้ก็มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดนอนโรงพยาบาลแม่สอดจำนวน 84 คน โรงพยาบาลพบพระจำนวน 24 คนจำนวนแม่ระมาดจำนวน 13 คน(ไม่ใช่ผู้ป่วยในอำเภอพบพระและแม่ระมาดแต่เป็นการรับเคสเพื่อแบ่งเบาโรงพยาบาลแม่สอด) ตั้งแต่เราเปิดวอร์ดผู้ป่วยโควิดเมื่อ 28-12-63 กิจการของเรารุ่งเรืองมาก มีผู้ป่วยเข้าใช้บริการไม่หยุดหย่อนเลยแต่เจ้าหน้าที่ก็ยังสู้ตายค่ะ ยังมีกำลังใจดีแม้ว่ากำลังกายจะถดถอยไปบ้างก็มีแรงหนุนเสริมจากพี่น้องสาธารณสุขทั้งในจังหวัดตากเองและในเขตสุขภาพที่2 มาช่วยตลอด โรงพยาบาลระดับทั่วไปประจำอำเภอชายแดนแห่งนี้ยังมีศักยภาพในการรับผู้ป่วยในพื้นที่ และจะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อรักษาชายแดนด้านนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้พี่น้องไทยปลอดภัย
 

มาถึงวันนี้จังหวัดตากของเรามีเคสผู้ป่วยสะสม 229 ราย (ยอดล่าสุดวันที่ 12-2-64) เอาเข้าจริงๆก็เป็นของแม่สอดไป 227ราย เหลือให้อำเภอเมือง 2 ราย มีแหล่งใหญ่มาจากคาสิโนฝั่งเมียนมา 100+เคสยังมีคนลักลอบเข้าเมืองแล้วมีผลโควิดบวกอยู่เรื่อยๆ และช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อในตลาด ในชุมชนที่ถูก locked downไป ในท่าขนส่งสินค้า และในโรงงาน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมียนมาในพื้นที่และคนไทยจำนวนน้อยกว่า ทีมสาธารณสุขทำงานหนักสอบสวนเข้มข้นเพื่อให้ตรวจผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อจนครบ ประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องกังวลว่าเราจะย่อหย่อนในหน้าที่

นับว่าสถานการณ์ในแม่สอดไม่ปลอดภัยเท่าไหร่เพราะมีการติดเชื้อหลายหย่อม (cluster spreading) แต่ยังไม่ถึงขั้น กระจายไปทั่วอำเภอ ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีความกลัว..แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เราจะอยู่กับโควิดได้อย่างไร ?? ยังเป็นคำถามของทุกคนเราต้องอยู่แบบน้ำกับน้ำมัน...แยกชั้นกันได้เด็ดขาดเท่าไหร่เราก็จะเอามันอยู่เราต้องแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อให้เร็วที่สุดแยกผู้ที่มีความเสี่ยงออกจากผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงคนที่เสี่ยงน้อยไม่เอาตัวเองเข้าไปในที่เสี่ยงมากคนที่รู้ตัวเองว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงมาก เช่นอยู่ในชุมชนที่เสี่ยง อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยก็ไม่เอาตัวเองไปใกล้คนที่เสี่ยงน้อยเช่นกันลดการเคลื่อนไหลประชากร ไม่ปะปนกัน อย่างน้อย 2 อาทิตย์
 

ทุกคนต้องป้องกันตัวเอง !!!!! สวมแมสอย่างถูกต้องและตลอดเวลา ล้างมือ เว้นระยะห่าง ทำให้เป็นนิสัย และทำอย่างมีวินัยเคร่งครัด มันอาจจะลำบากแต่ก็คุ้มค่าที่จะทำเพื่อให้การติดเชื้อในชุมชนของเราลดลง อย่าไว้ใจแม้แต่คนในบ้านเดียวกัน ไม่ให้เชื้อออก ไม่เอาเชื้อเข้า...ก็เท่ากับไม่แพร่เชื้อและไม่ติดเชื้อ ทำได้ทันทีไม่ต้องรอ timeline ความยากของการจัดการควบคุมการระบาดของเชื้อคือ ในพื้นที่เรามากกว่า 90%ไม่มีอาการเลย หรืออาการน้อยมาก ทำให้กว่าจะสาวไปถึงเคสใช้เวลานานพอควรกว่าจะรู้ก็แพร่ไปกว้างประมาณนึง ถ้าเรารู้เร็วก็จะแพร่น้อยประชาชนชายแดน เราผ่านกันมาหลายเหตุการณ์...ร่วมทุกข์ร่วมสุข ครั้งนี้เราก็คงผ่านกันไปได้  ขอความร่วมมือร่วมใจของทุกๆคน ช่วยควบคุมการระบาดครั้งนี้นะคะ ทุกคนมีความสำคัญมากๆค่ะไม่ใช่ความผิดของใครเป็นความผิดของเชื้อโรค เราไม่กล่าวโทษใครเพราะไม่มีใครอยากจะติดเชื้อ ถึงเวลาคับขันมนุษย์ทุกคนต้องช่วยเหลือกันค่ะ