ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม บำรุงการเจริญเติบโต ได้ผลผลิตสูง กำไรดี

30 พฤษภาคม 2565

เกษตรยั่งยืนวันนี้ ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี เคล็ดลับปลูกข้าวได้ผลผลิตสูง ปลูกข้าวอย่างไรให้ รวงสวย บำรุงการเจริญเติบโต

เกษตรยั่งยืนวันนี้ ทีมงานไทยนิวส์ เอาใจชาวนาปลูกข้าว ที่อาจจะกำลังหาวิธีการปลูกข้าวอย่างไรให้ รวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี ซึ่งเคล็ดลับที่นำมาฝากกันในวันนี้จะช่วยให้ บำรุงการเจริญเติบโต เพิ่มผลผลิต

ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี

การปลูกข้าวเพื่อให้ได้ผลิตผลสูงประกอบด้วยปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เช่น การ ปลูกด้วยข้าวพันธุ์ดี วิธีการปลูกและดูแลรักษาดี มีการป้องกันกำจัดโรค และแมลงศัตรูข้าว มีการกำจัดวัชพืช มีการใส่ปุ๋ยในนาข้าว มีการรักษาระดับน้ำในนา ข้าวพันธุ์ดีจะให้ผลิตผลสูง เมื่อได้มีวิธีการปลูก และดูแลรักษาดีเท่านั้น 


ดังนั้นต้องมีความเข้าใจว่า ข้าวพันธุ์ดีที่รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวนาปลูก ควรได้รับวิธีการปลูกและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ นั่นก็คือ การเตรียมดิน คือ ต้อง การเตรียมดินควรทำการไถละ 1 ครั้ง และไถแปร เพื่อทำให้ดินแตกละเอียดพอสมควรอีก 2 ครั้ง จากนั้นนำคราดเอาหญ้าออก 


ขั้นตอนถัดมาคือ การเลือกใช้ต้นกล้าปักดำ ซึ่งการใช้ต้นกล้าที่มีอายุแก่เกินไปมาปักดำ จะทำให้มีการแตกกอน้อยและให้ผลิตผลต่ำ อายุของต้นกล้าที่เหมาะสำหรับการปักดำ ควรมีอายุประมาณ 25 - 30 วัน พันธุ์ข้าวพวก กข.7 กข.9 กข.21 กข.23 และ กข.10 (กข. หมายถึง กรมการข้าว และเลขคี่ หมาย ถึง ข้าวเจ้า เลขคู่ หมายถึง ข้าวเหนียว เพราะฉะนั้น กข.7 และกข.9 เป็นข้าวเจ้า ส่วน กข.10 เป็นข้าว เหนียว) ต้นกล้าที่มีอายุ 20 วัน ก็ใช้ได้ ต้นกล้าที่มีอายุ ดังกล่าวนี้ จะฟื้นตัวเร็วหลังปักดำ และมีการแตกกอมาก

ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี
 

สำหรับ เวลาที่เหมาะสมสำหรับการปลูกหรือปักดำ ซึ่งการปลูกข้าวเร็วหรือช้าเกินไป อาจทำให้ผลิตผลลดลงได้ ซึ่งเดือนที่เหมาะสม สำหรับการปลูกพันธุ์ข้าวที่ไวต่อช่วงแสง และออกดอกในต้นเดือนธันวาคมนี้ คือ เดือนสิงหาคม เพราะต้นข้าวจะได้มีเวลาเจริญเติบโต จนออกรวง ประมาณ 120 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่จำเป็น สำหรับข้าวที่ให้ผลิตผลสูง แต่ถ้าปักดำช้ากว่านี้ ต้นข้าวจะมี ระยะเวลาไม่เพียงพอกับการเจริญเติบโต จึงทำให้ได้ ผลิตผลต่ำกว่าที่ควร 


ทั้งนี้ ระยะปลูกก็มีความสัมพันธ์กับการให้ผลิตผล ระยะปลูกนั้น หมายถึง ระยะห่างระหว่างกอ และระหว่างแถว ถ้าปลูกห่าง ก็จะเปลืองเนื้อที่ ถ้าปลูกถี่ ก็จะเปลืองเมล็ดพันธุ์ ระยะปลูกที่ดีสำหรับข้าวพันธุ์ดี คือ ระหว่างกอ ห่างกัน 20 เซนติเมตร และระหว่างแถวห่างกัน 25 เซนติเมตร นอกจากนี้ ระยะปลูกนั้นยังขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และชนิดของพันธุ์ข้าวด้วย

ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี


การป้องกันกำจัดโรคและแมลง มีหลายวิธี หลายคนอาจจะให้ปุ๋ย หรือบางคนอาจจะใช้วิธี การตัดใบข้าวในระยะข้าวแตกกอ นอกจากเป็นการกำจัดวัชพืชในนาข้าวแล้ว ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการแตกกอที่ดี ต้นข้าวโตสม่ำเสมอ ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูข้าวที่มีปัญหาต้นโทรม การเจริญเติบโตชะงักจากภัยแล้งได้อีกด้วย

ข้อดีการตัดใบข้าว
- ช่วยกำจัดวัชพืชในนาข้าว
- กระตุ้นให้เกิดการแตกกอที่ดี ต้นข้าวโตสม่ำเสมอ รวงข้าวออกสม่ำเสมอ สุกแก่พร้อมกัน ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นถึง 12%
- ใบข้าวและวัชพืชที่ถูกตัดออก จะถูกย่อยสลายกลายเป็นอินทรียวัตถุในนาข้าวช่วยให้โครงสร้างดินในนาข้าวดีขึ้น
- ลดการระบาดและทำลายของโรคแมลงศัตรูข้าว
- ฟื้นฟูข้าวกรณีปลูกข้าวผ่านช่วงฝนแล้ง 

ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี

ขั้นตอนการปฎิบัติ
- ใช้เครื่องตัดหญ้าหรือเคียวเกี่ยวข้าวที่มีใบมีดคม เพราะจะทำให้รอยตัดไม่ช้ำหรือฉีกขาด
- เลือกแปลงนาหว่านที่ข้าวอยู่ในระยะแตกกอความสูงระดับน้ำไม่เกิน 5 ซม. หรือถ้าเป็นข้าวที่ปลูกผ่านช่วงฝนแล้ง ให้ตัดใบข้าวเมื่อฝนกลับมาตกอีกครั้งและดินมีความชื้นสูงพอให้ข้าวแตกใบใหม่ได้


- ตัดใบข้าวสูงจากผิวน้ำหรือสูงจากผิวดิน(กรณีดินมีความชื้นสูง) 5 ซม. หรือตัดเหนือสะดือต้นข้าว(สูงกว่าซอกกาบใบ)
ข้อจำกัด
- ไม่ควรตัดใบข้าวในนาปักดำ เนื่องจากระบบรากไม่แข็งแรงเท่ากับนาหว่าน การตัดใบข้าวในนาปักดำอาจทำให้ข้าวฟื้นตัวช้าหรือไม่ฟื้นตัวเลย
- แปลงนาหว่านที่เหมาะสมสำหรับการตัดใบข้าว ควรมีระดับน้ำในนาสูงไม่เกิน 5 ซม. หรือดินต้องมีความชื้นสูงพอให้ข้าวแตกใบใหม่ได้
- ห้ามตัดใบข้าวในระยะข้าวตั้งท้อง
- ห้ามตัดใบข้าวในช่วงฝนแล้ง หรือไม่ควรตัดใบข้าวในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและเสี่ยงภัยแล้ง

ปลูกข้าวรวงสวย น้ำหนักงาม ได้ผลผลิตสูง กำไรดี


การรักษาระดับน้ำในนา นั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งควรควบคุมระดับน้ำให้อยู่ประมาณ 5 เซนติเมตร เพราะน้ำในระดับนี้  เพียงพอต่อความต้องการของต้นข้าว เพื่อคุมวัชพืชไม่ให้งอกมาแย่งปุ๋ย และยังสามารถละลายปุ๋ยที่เข้มข้นให้เจือจาง กระจายได้พอเหมาะไปทั่วแปลง แต่หากน้ำมีมากเกินไปจะทำให้ปุ๋ยเจือจาง ระเหยไปกับน้ำเมื่อถูกแสงแดด 


เมื่อต้นข้าวออกรวงได้แล้วประมาณ 2 สัปดาห์ จะต้องไขน้ำออกจากนา ให้หมด เพื่อทำให้เมล็ดแก่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ใน ขณะที่ดินนานั้นแห้ง ทำให้สะดวกแก่การเข้าไปเก็บ เกี่ยว การขาดน้ำในระยะการเจริญเติบโตของข้าว นอกจากจะทำให้ต้นข้าวไม่เจริญเติบโตแล้ว ยังทำให้ เกิดมีวัชพืชจำนวนมากด้วย

ปุ๋ยทิพย์

 

ด้านการใส่ปุ๋ยของ ข้าว นั้น ทางไทยนิวส์จะขอแนะนำ "ปุ๋ยทิพย์" ชนิดBulk Blending Fertilizer (ปุ๋ยผสม) สูตร 30-0-0 ที่เหมาะกับการใช้บำรุงการเจริญเติบโตของข้าวในนา
ก. สำหรับข้าวนาดำ
- สำหรับข้าวพันธุ์ไม่ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-20 กก./ไร่ ใส่หลังจากการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งแรก 30 วัน หรือ 25-30 วัน ก่อนข้าวออกดอก
- สำหรับข้าวพันธุ์ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 5-10 กก./ไร่ หลังจากใส่ปุ๋ยเคมีครั้งแรก 30 วัน หรือก่อนข้าวออกดอก 30 วัน


ข. สำหรับนาหว่านน้ำตม/นาหยอด
- สำหรับข้าวพันธุ์ไม่ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 15-20 กก./ไร่ ใส่หลังจากใส่ปุ๋ยเคมีครั้งแรก 30 วัน หรือ 25-30 วัน ก่อนข้าวออกดอก
- สำหรับข้าวพันธุ์ไวต่อช่วงแสง ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 5-10 กก./ไร่ หลังจากใส่ปุ๋ยเคมีครั้งแรก 30 วัน หรือใส่ก่อนข้าวออกดอก 25-30 วัน

 

ปุ๋ยทิพย์