"กัญชา" มากประโยชน์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโทษ

15 ธันวาคม 2564

ทีมงานไทยนิวส์จะพาทุกท่านไปรู้จักกับพืชที่มีชื่อว่า"กัญชา"ให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของประโยช์และสรรพคุณ รวมทั้ง ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

วันนี้ทางทีมงานไทยนิวส์จะพาทุกท่านไปรู้จักกับพืชที่มีชื่อว่า"กัญชา"ให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของประโยช์และสรรพคุณ รวมทั้ง ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ"กัญชา"ก่อน กัญชา เป็นพืชดั้งเดิมที่มีอยู่มากในทั่วโลกซึ่งขึ้นอยู่ในเขตอบอุ่นของทวีปเอเชียและยูโรป จากการสันนิษฐานว่ามีการกระจายพันธุ์เป็นบริเวณกว้างอยู่ทางตอนกลางของทวีป ตั้งแต่ทะเลสาบแคสเปียนจนถึงทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัยและทางตะวันตกของไซบีเรีย เป็นพืชที่ได้รับการบันทึกไว้ในเอกสารเก่าโบราณหลายเล่มว่ามีการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์เป็นพืชเส้นใยและปลูกเป็นพืชเสพติดมาแต่ดึกดำบรรพ์ ในประเทศจีนมีการใช้เส้นใยเพื่อถักทอมาตั้งแต่ 5,000-4,000 ปีก่อนคริสตกาล

ต่อมาในศตวรรษแรก จึงมีการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากเส้นใยมาทำกระดาษ ในประเทศยุโรป มีการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชามาตั้งแต่ 700 ปีก่อนคริสตศักราช ส่วนใหญ่ใช้ทำเป็นเชือกเพื่อการล่าสัตว์ ในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 15 ในประเทศอิตาลีมีการปลูกพืชกัญชากันมากเพื่อนำเส้นใยมาทำเชือกใช้ในเรือเดินทะเลเนื่องจากมีความเหนียวและทน นอกจากนี้ พบว่า มีการปลูกพืชกัญชากระจายไปทั้งในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้อีกด้วย

"กัญชา" มากประโยชน์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโทษ

          ส่วนประเทศไทยก็มีประวัติศาสตร์เก่าแก่พบว่ามีการใช้กัญชาช่วงต้นรัตนโกสินทร์โดยมีภาพจิตรกรรมฝาผนังจากวัดพระแก้วจารึกไว้สำหรับในประเทศไทยปลูกมากตามแนวเขาในภาคเหนือ แม้จะได้มีการใช้กัญชาเป็นยามาแต่โบราณมากกว่า 3,000 ปี แต่กัญชาก็จัดเป็นยาเสพติด ทำให้เป็นพืชต้องห้าม ในประเทศไทยการปลดล็อกส่วนของกัญชา และกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด ยกเว้นช่อดอก และเมล็ดกัญชา

     ทั้งนี้เนื่องจากตามอนุสัญญายาเสพติดระหว่างประเทศยังควบคุมเป็นยาเสพติด แต่ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ซึ่งหลักๆ ของการปลดล็อกจากยาเสพติด คือ

1.ใบที่ไม่ติดกับช่อดอก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก ไม่เป็นยาเสพติด

2.เมล็ดกัญชง น้ำมัน สารสกัด เมล็ดกัญชง

3.สารสกัด CBD และในส่วนสาร THC ต้องไม่เกิน 2% สำหรับขั้นตอนการปลูก สกัด และผลิต

ทั้งหมดยังต้องขออนุญาตจาก อย. ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ฉบับที่ 7 ระบุผู้มีคุณสมบัติขออนุญาต คือ หน่วยงานรัฐ สถาบันอุดมศึกษา เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ เภสัชกร แพทย์แผนไทย เป็นต้น

โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์จะต้องร่วมกับหน่วยงานรัฐตามเงื่อนไข ที่ปลดล็อกแล้วสามารถนำไปผลิตเพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ โดยผู้ที่จะนำวัตถุดิบไปใช้จะต้องนำมาจากผู้ที่ได้รับอนุญาตปลูก สกัด ผลิตเท่านั้น 

\"กัญชา\" มากประโยชน์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโทษ
 

ประโยช์และสรรพคุณของกัญชา
    กัญชาเป็นพืชประเภทป่านและปอ ซึ่งมีเส้นใยเหนียวมาก ในอดีตจึงนิยมใช้ในการทำประโยชน์ด้านการทำเป็นเชือกรัดต่าง ๆ เช่น เชือกในการเดินเรื่องทอเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมไปถึง ถูกนำไปผสมกับอาหารเพื่อช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร

    นอกจากนี้ในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยว่า เส้นใยจากกัญชาร้อยละ 80 เป็นเซลลูโลสซึ่งย่อยสลายได้ง่าย ไม่เกิดพิษภัย ลำต้นสามารถใช้ทำกระดาษสังเคราะห์ได้ดีกว่ากระดาษที่ทำจากไม้ยืนต้นจึงสามารถนำมาใช้ทำกระดาษแทนต้นไม้ได้เพราะ กัญชาเป็นพืชที่มีวงชีวิตเพียง 120 วัน สามารถที่จะปลูกได้ 10 ตันต่อพื้นที่ 1 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2 ไร่) ภายในเวลา 4 เดือน ปลูกได้เร็วกว่าฝ้าย 4 เท่า ได้น้ำหนักมากกว่าฝ้าย 3 เท่า สหรัฐอเมริกาพบว่ากัญชาสามารถปลูกและนำมาทำกระดาษได้มากเป็น 4 เท่าของการทำไม้ยืนต้นนอกจากนี้การทำกระดาษจากต้นกัญชาไม่ต้องใช้คลอรีนเหมือนการทำจากไม้ ซึ่งทำให้เกิดสารไดออกซิน นอกจากนั้นเส้นใยของต้นกัญชาใช้ทำกระดาษได้ดีกว่าไม้มาก  

            ส่วนในด้านสรรพคุณทางยานั้น สรรพคุณทางการแพทย์แผนโบราณระบุว่า ช่อดอกตัวเมีย บำรุงประสาท แก้ปวดประสาท ทำให้เคลิ้มฝันเมล็ด ชูกำลัง เจริญอาหาร ทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ แต่หากกินมาก อาจทำให้เกิดอาการหวาดกลัวหมดสติทั้งต้น บำรุงประสาท เจริญอาหาร ทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ      

            ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ มีตำรับยาไทยที่เข้ากัญชา จำนวน 11 ตำรับ มาจากพระคัมภีร์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ พระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัด) 

           ตำราพระโอสถพระนารายณ์ มีตำรับยาไทยที่เข้ากัญชา จำนวน 3 ตำรับ โดยพบตำรับยาที่เข้ากัญชาโดยมีกัญชาเป็นส่วนประกอบหลัก จำนวน 2 ตำรับ ได้แก่ ตำรับยาที่ชื่อว่า ยาทิพกาศ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นใบกัญชาถึง 16 ส่วน และตำรับยาศุขไสยาศน์ มีส่วนประกอบหลักเป็นใบกัญชาถึง 12 ส่วน 

           ส่วนทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้มีผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้น ระบุว่า  ผลการศึกษาในระดับพรีคลินิก พบว่าสารกลุ่ม cannabinoids มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายด้าน ฤทธิ์ที่สำคัญได้แก่ต้านมะเร็ง ต้านการอาเจียน กระตุ้นความอยากอาหาร แก้ปวด กำจัดความกระวนกระวายและทำให้นอนหลับ ส่วนงานวิจัยทางคลินิกที่เกี่ยวกับกัญชาและสารกลุ่ม cannabinoids มีรายงานว่า THC มีฤทธิ์ต้านมะเร็งสมองที่เรียกว่า Glioblastoma การให้ CBD สามารถลดการกลับมาเป็นมะเร็งชนิดนี้ได้ รวมไปถึง โรคพาร์กินสัน จากงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากกัญชา ที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) หรือการใช้ยา Nabilone ช่วยให้ผู้ป่วย มีอาการเจ็บปวดน้อยลง อาการสั่งลดลง และขยับตัวได้ดีขึ้น   

           โรคลมชัก การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา (Cannabis Extracts) หรือ การใช้สารสกัดจากกัญชาที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) ช่วยให้ผู้ป่วย มีอาการชักลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์และมีความถึงเครียดลดลง  งานวิจัยยังพบว่า ผู้ป่วยมีความทรงจำที่ดีขึ้น มีสมาธิและจดจ่อกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น และนานหลับได้ง่ายขึ้น งานวิจัยยังพบอีกว่า การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา ไม่มีผลข้างเคียงอื่น ๆ กับผู้ป่วยโรคลมชัก 

           โรคมะเร็ง  จากการศึกษาวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งและได้รับผลข้างเคียง จากทำเคมีบำบัดสารสกัดจากกัญชา สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดอาการปวดและเพิ่มความอยากอาหาร และเพิ่มน้ำหนักตัวให้ผู้ป่วย และทำให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ง่ายขึ้น  แม้ในขณะนี้จะไม่มีการทดลองแบบควบคุมทางมในมนุษย์ แต่ผลการวิจัยในสัตว์ทดลองก็แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากกัญชามีฤทธิ์ ยับยั้ง และทำลายเซลล์มะเร็งได้ อีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยแบบเปิด ที่สอบถามจากกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง และได้ผลวิจัยว่าสารสกัดกัญชา มีประสิทธิภาพอย่างมากในผู้ป่วยบางกลุ่ม   

           โรคอัลไซเมอร์  จากงานวิจัยพบว่าการใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา หรือการใช้ยา ช่วยให้มีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ลดลง เช่น อาการหลงผิด อาการเฉยเมยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งนี้ผู้ป่วยยังสามารถรับประทานอาหารได้ดีขึ้น โกรฑหงุดหงิดง่ายน้อยลงอีกทั้งยัง ทำให้ผู้ดูแลมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นด้วย 

           ระงับอาการปวด  จากงานวิจัยพบว่า ระดับความเข้มข้นของสาร tetrahydrocannabinol  มีผลอย่างมีนัยสำคัญ กับการระงับอาการปวด ไม่มีจะเป็นการปวดจากการบาดเจ็บ ที่กระดูกสันหลังหรืออาการปวดที่เป็นผลข้างเคียงจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน และโรคปลอกประสาทอักเสบ   จากการศึกษา ที่กลุ่มเปรียบเทียบได้รับสารเลียบแบบไม่ออกฤทธิ์พบว่าผู้ที่ได้รับสารสกัดจากกัญชา มีอาการเจ็บปวดลดลงอย่างชัดเจน 

           โรคปลอกประสาทอักเสบ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคปลอกประสาทอักเสบ เมื่อได้รับสารสกัดจากกัญชา หรือตัวยา Sativexสามารถช่วยลดอาการปวดเส้นประสาท อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ อาการหดตัวของกล้ามเนื้อ และภาวะกล้ามเนื้อเสียสหการ หรืออาการเซ

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

  •     ในการใช้กัญชาเป็นสมุนไพรตามตำราไทยในอดีตนั้นมีการระบุว่า ในกรณีที่รับประทานมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน มีอาการชัก ตาลาย หรือกลายเป็นเสพติด
  •     ในการใช้กัญชาเป็นสมุนไพรตามตำราไทยในอดีตนั้นมีการระบุว่า ผู้ชายหากรับประทานมากเกินไปจะทำให้น้ำกามเคลื่อน
  •     ในการใช้กัญชาเป็นสมุนไพรตามตำราไทยในอดีตนั้นมีการระบุว่า สตรีที่รับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการตกขาว
  •     การเสพกัญชาแม้เพียงระยะสั้น ผู้เสพบางรายอาจสูญเสียความทรงจำได้ เพราะกัญชาจะทำให้สมองและความจำเสื่อม เกิดความสับสน วิตกกังวล และหากผู้เสพเป็นผู้ที่มีอาการทางจิตด้วยแล้ว ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป
  •     กัญชายังมีฤทธิ์ทำลายความรู้สึกทางเพศ ทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในชายลดลง ทำให้ปริมาณอสุจิน้อยลง ผู้เสพจึงมักมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  •     การสูบบุหรี่ยัดไส้กัญชาเพียง 4 มวน จะเท่ากับการสูบบุหรี่ 20 มวน หรือ 1 ซอง มันจึงสามารถทำลายการทำงานของระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่าคนสูบบุหรี่ธรรมดาถึง 5 เท่า
  •     การเสพกัญชาเป็นระยะเวลานาน จะนำมาซึ่งภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงและก่อให้เกิดความผิดปกติของหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว มีความผิดปกติทางสมองจนก่อให้เกิดอาการทางจิตประสาทตามมา

"กัญชา" มากประโยชน์ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโทษ