“ไข่ไก่ล้นตลาด” ฉุดราคาฟองละ 3 บาท กระทบผู้เลี้ยงทั่วประเทศ

ราคาไข่ ต่ำสุดในรอบ 3 ปี แม้ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ แต่ผู้เลี้ยงไก่ไข่กลับต้องแบกรับต้นทุนสูง เสี่ยงขาดทุนหนักหากราคาต่ำต่อเนื่อง
สถานการณ์ ราคาไข่ไก่ ในประเทศกำลังเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสะท้อนเศรษฐกิจฐานรากที่เปราะบาง หลังจากราคา ไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ปรับลดลงมาอยู่ที่ ฟองละ 3 บาท จากเดิม 3.20 บาท ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา
แม้การปรับราคาครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่กลับสร้างแรงกดดันต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งต้องรับภาระต้นทุนการผลิตที่ยังคงสูง ทั้งค่าอาหารสัตว์ ไฟฟ้า และค่าแรงที่ไม่ได้ลดลงตามราคาไข่
สาเหตุหลักมาจาก ความต้องการบริโภคที่ชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงช่วง เทศกาลกินเจและปิดเทอม ที่เพิ่งผ่านมา ส่งผลให้ยอดบริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ยังคงออกสู่ตลาดเท่าเดิม ทำให้เกิดภาวะ “ซัพพลายล้นตลาด”
นอกจากนี้ การส่งออกแม่ไก่ยืนกรงลดลง และการขาดระบบดูดซับไข่ส่วนเกินเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูป ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาในประเทศอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่า เป็นไปตามกลไกของอุปสงค์และอุปทาน โดยคาดว่าหลังเปิดภาคเรียน ความต้องการบริโภคจะเริ่มฟื้นและช่วยพยุงราคาได้บ้าง แต่ยอมรับว่าขณะนี้เกษตรกรจำนวนมากกำลังเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนที่สูงกว่าราคาขายจริง
จากการสำรวจตลาดค้าปลีก เช่น ตลาดนวลจันทร์ พบว่า ไข่ไก่เบอร์ 0 ซึ่งเคยมีราคาสูงกว่า 4 บาทต่อฟองเมื่อต้นปี ปัจจุบันปรับลดลงเหลือเพียง แผงละ 130 บาท หรือประมาณ 3.50 บาทต่อฟอง ตามข้อมูลจาก “สุนทรฟาร์ม” ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเกษตรมองว่า สถานการณ์นี้ไม่เพียงเป็นเรื่องราคาสินค้าลดลงเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ถึงความไม่สมดุลของระบบเศรษฐกิจปากท้อง หากราคาต่ำต่อเนื่องโดยไม่มีมาตรการรองรับ อาจทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยทยอยเลิกอาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่ “ของแพงในอนาคต” เมื่อกำลังการผลิตหายไปจากระบบ
แหล่งที่มาอ้างอิง
กระทรวงพาณิชย์
สุนทรฟาร์ม รายงานราคาไข่ไก่ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศท.)
สัมภาษณ์นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์




















