ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40 ชนยับ 20 คันรวด

02 ธันวาคม 2566

ล่าสุด บริษัทต้นสังกัดของรถโดยสารประจำทางออกมายืนยันแล้ว หลังเกิดอุบัติเหตุรถประจำทาง สาย 40 พุ่งชนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ บนถนนพญาไท ได้รับความเสียหายกว่า 20 คัน ชี้ชัด!คนขับเผลอเหยียบคันเร่งแทนเบรก

   จากเหตุการณ์กรณี เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ธ.ค.66 เกิดเหตุรถประจำทาง สาย 40 เสียหลัก พุ่งชนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ บนถนนพญาไท บริเวณตรงข้ามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน้าแยกมาบุญครอง ส่งผลให้รถยนต์ รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อรับจ้าง รวมทั้งหมดกว่า 20 คัน ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บรวม  4 คน เจ้าห้นาที่ตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งให้การช่วยเหลือ และนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง 

 

ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

 

    ทั้งนี้ตำรวจนครบาลปทุมวัน เร่งลงพื้นที่ตรวจพร้อมประสานรถยก เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นมีรถชนกันจำนวนหลายคัน  ส่งผลให้การจราจรบนถนนพญาไท ต่อเนื่องถนนพระรามสี่ ขาเข้าติดขัดเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่าประมาณ 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้เป็นปกติ ส่วนผู้เสียหายทั้งหมดรวมถึงพนักงานขับรถโดยสารประจำทางตำรวจเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเพื่อสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
 

ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

   นายอำพร เดชอาจ (คนขับรถแท็กซี่)ที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่อาการจราจรติดขัด ก็มีรถโดยสารประจำทางสาย 40 พุ่งเข้ามาชนท้ายอย่างแรง ก่อนที่จะดันรถของตัวเองไปชนรถคันอื่นๆที่จอดอยู่ใกล้เคียงกัน จนทำให้มีผู้เสียหายจำนวนหลายคัน เมื่อสอบถามพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ได้บอกเพียงสั้นๆว่ามีปัญหาในเรื่องระบบเบรค ทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ก่อนพุ่งชนรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ

 

ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

 

    นางสาวปรรณพัชร์ พิพัฒธีระมงคล (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) ได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลมายังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เพื่อให้การณ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม  โดยระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน รถติดอยู่บนถนนพญาไทได้ยินเสียงดังมาจากรถคันข้างหลังก่อนที่รถของตัวเองจะถูกชนมาเกือบทุกทิศทาง ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวา เนื่องจากถูกอัดติดกับตัวรถไม่สามารถออกจากรถได้ในขณะนั้น อีกทั้งรถของตัวเองเกิดหม้อน้ำแตกทำให้เกิดควันบริเวณห้องเครื่องรถยนต์ ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่กู้ภัยจะเข้ามาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลในที่สุด
 

    ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

 

พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน  เผยว่า  จากการสอบปากคำพนักงานขับรถโดยสารสาย 40 เบื้องต้นให้การว่า เพิ่งขับรถเมล์ไฟฟ้าได้ 2 เดือนระวังเกิดเหตุเกิดตกใจจึงพยายามเหยียบเบรค แต่เผลอไปเหยียบคันเร่ง จนทำให้รถพุ่งไปจอดรถคันที่จอดติดการจราจรอยู่ด้านหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้คนขับมีประสบการณ์ขับรถโดยสารประจำทาง NGV มานานกว่า 20 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับเสียหายทั้งหมดจำนวนกี่ราย 

 

ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

 

เบื้องต้นพิจารณาแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เอารถมีประกันประเภท 3 ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทางบริษัทรถโดยสารประจำทางมีประกันประเภท 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างประกันรถคันอื่น ๆ ของผู้เสียหาย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด 

 

ต้นสังกัดชี้แจงแล้ว! สาเหตุรถโดยสารประจำทางสาย 40  ชนยับ 20 คันรวด

 

ทางด้าน บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุของการชนครั้งนี้ โดยระบุว่า

ทางบริษัทได้ตรวจสอบหลักฐาน พร้อมสอบถามข้อมูลกับพนักงานขับรถวัย 60 ปี แล้ว และได้ยอมรับว่า เผลอเหยียบคันเร่ง แทนการเหยียบเบรกรถ ทำให้รถเกิดพุ่งไปกระทบกับรถด้านหน้า จนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยตัวรถนั้นไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด ทางบริษัทฯ จะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และลงโทษพนักงานขับรถตามมาตรการขั้นเด็ดขาด พร้อมกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการที่ดีขึ้น ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ด้านการช่วยเหลือช่วงเวลาเกิดเหตุ ทางบริษัทได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในทันที เพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พร้อมประสานประกันภัยเข้าดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขณะเดียวกันทางบริษัท ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบ ดูแลค่าเสียหายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบทุกรายอย่างเต็มที่