หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายงานเข้าเจอของกลางเพียบ

25 สิงหาคม 2566

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างอ้างเป็นตำรวจ ปะทะเดือด วินมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายตำรวจค้นรถเจอยาเพียบ แถมฉี่ม่วง

 จากกรณีวันที่ 25 ส.ค.66 หนุ่มกล้ามโตขับเบนซ์ กร่างโวยวายปะทะเดือดกับวินมอเตอร์ไซค์ ย่านทองหล่อ โดยชายขับเบนซ์อยู่ในอาการเมาอ้างเป็นตำรวจ ขับเบนซ์เฉี่ยวชนวินมอเตอร์ไซค์ จากนั้นจึงลงมาเคลียร์กัน ปรากฏว่าชายขับเบนซ์  มีการขู่จะเอาปืนยิงวินมอเตอร์ไซค์ ก่อนเหตุการณ์ชุลมุนบานปลาย มีปากเสียงกันเกิดการทำร้ายร่างกายในที่สุด

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายไม่รอด เจอของกลางเพียบ

ล่าสุด ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้เข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์พบว่าภายในรถมีผู้โดยสาร 6 คน พบมีอาวุธปืน และยาเสพติดอยู่ภายในรถ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่สน.ทองหล่อ โดย พ.ต.อ.พันษา ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการที่กลุ่มรถเบนซ์ กำลังเดินทางกลับมาจากการปาร์ตี้เพื่อไปส่งเพื่อน ปรากฏมาถึงจุดเกิดเหตุมีวินมอเตอร์ไซค์ 3 คันที่กำลังขี่ไปรับลูกค้าขับบริเวณด้านหน้า ด้วยความเร่งรีบจึงพยายามขับปาดหน้าเพื่อแซงรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มดังกล่าวด้วยความเร็ว

 

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายไม่รอด เจอของกลางเพียบ

จึงทำให้วินมอเตอร์ไซค์บีบแตรเตือน ทางคนขับรถเบนซ์เกิดความไม่พอใจ จึงเปิดกระจกมาต่อว่าวินมอเตอร์ไซค์พร้อมชูนิ้วกลางให้ แล้วขับมาจอดขวางถนน ก่อนจะลงมาปรี่ชกต่อยกับวินมอเตอร์ไซค์จนเกิดเหตุชุลมุน  เนื่องจากมีมอเตอร์ไซค์จำนวนมากมาช่วยห้ามและปกป้อง ซึ่งทางฝั่งคนขับรถเบนซ์ได้ชักอาวุธปืนมาข่มขู่บรรดาวินมอเตอร์ไซค์ด้วย ตามที่ปรากฎเหตุการณ์ในคลิป 

โดยหลังจากที่ตำรวจ สน.ทองหล่อได้รับแจ้งเหตุ จึงได้ส่งชุดปราบปรามเข้าไประงับเหตุและตรวจค้นรถยนต์เบื้องต้น ปรากฏพบว่ามียาไอซ์จำนวน 2 ขีดอยู่บริเวณด้านท้ายของรถเบนซ์ พบอาวุธปืนไม่มีทะเบียน ขนาด .25 ซุกซ่อนบริเวณใต้เบาะหน้าที่นั่งฝั่งคนข้างคนขับ มีผู้ชาย 2 คน สาวประเภทสอง 2 คน และผู้หญิง 2 คน จากการนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล พบสารเมตแอมเฟตามีนในร่างกายทุกคน จึงนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน. ทุกคน 

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายไม่รอด เจอของกลางเพียบ

นอกจากนี้จากการตรวจค้นรถเบนซ์คันดังกล่าว พบว่าได้ติดป้ายทะเบียนปลอม เนื่องจากตรวจสอบป้ายทะเบียนในระบบของกรมการขนส่งทางบก ไม่พบ หมายเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว จากการสอบปากคำคนขับรถเบนซ์ เบื้องต้นยังให้การสับสน เพราะตอนแรกคนขับรถเบนซ์บอกว่า รถคันนี้เป็นรถของเพื่อนเขา

 

แต่ภายหลังกลับให้การกลับกันว่า ตนได้นำรถคันนี้มาซ่อมที่อู่ แล้วตอนเช้าเอารถมาลองขับ  อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ตัวคนขับรถเบนซ์ประกอบอาชีพธุรกิจเสื้อผ้า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการซ่อมรถยนต์แต่อย่างใด จึงยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนขับรถเบนซ์ ซึ่งก็ต้องสอบปากคำโดยละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่ารถยนต์คันนี้นั้นเจ้าของตัวจริงอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของรถยนต์ทราบหรือไม่ว่าติดป้ายทะเบียนปลอม 

สำหรับผู้โดยสารทั้ง 6 ราย ถูกแจ้งข้อหาดังต่อไปนี้


1) นายชาวิญญ์ อายุ 44 ปี คนขับรถเบนซ์ แจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ / ใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม / ร่วมครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 เพื่อจำหน่าย / เสพยาเสพติดประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน / และข้อหาตาม พ.ร.บ.การจราจร

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายไม่รอด เจอของกลางเพียบ

2) นายยุทธนา อายุ 40 ปี ผู้โดยสารนั่งข้างคนขับ แจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 / และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้เพื่อจำหน่าย


3) น.ส.ธามน  ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย อายุ 34 ปี แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


4) นายปัญจรัตน์  อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


5) น.ส.จิรันธนิน ภิสิทธิ์ฐนนท์ อายุ 36 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1


6) นายอิทธิพัทธ์ เลาหสินนุรักษ์ อายุ 21 ปี ผู้โดยสารนั่งเบาะท้าย แจ้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 

 

นอกจากนี้ยังพบว่า นายชาวิญญ์ คนขับรถเบนซ์มีประวัติต้องโทษในคดีอาชญากรรมหลายคดี ได้แก่ คดีทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ผู่อื่น ท้องที่ สน.สุทธิสาร ปี 2556 / คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ปี 2555 / คดีบุกรุกที่ดิน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ปี 2553 

ส่วนประเด็นที่อ้างว่าเป็นตำรวจและรู้จักกับตำรวจระดับสูงนั้น เป็นการกล่าวอ้างมากกว่าและจากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยนายชาวิญญ์ให้การว่า ตัวเองไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นตำรวจและไม่รู้จักกับตำรวจระดับสูงแต่อย่างใด

หนุ่มขับเบนซ์กล้ามโต เมากร่างปะทะวินจยย. สุดท้ายไม่รอด เจอของกลางเพียบ

ส่วนนายยุทธนาที่ถูกระบุว่าเป็นบุตรชายของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่า นายยุทธนาเป็นลูกของตำรวจจริง แต่เป็นเป็นตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจใน จ.พระนครศรีอยุธยาและเกษียณอายุราชการแล้ว 

หลังจากนี้ จะนำตัวทั้ง 6 รายไปแจ้งข้อหาและสอบปากคำตลอดทั้งคืนนี้ คาดว่าจะสามารถนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาได้ในวันที่ 26ส.ค.66 เวลา  10.30น. อีกทั้งจะต้องเรียกทั้งวินมอเตอร์ไซค์ที่เห็นเหตุการณ์ ที่บาดเจ็บและเจ้าของรถเบนซ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม

ส่วนประเด็นที่กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์กลัวว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะเป็นพวกผู้มีอิทธิพลนั้น ทางผู้กำกับการยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยไม่สนใจว่าใครจะมีอิทธิพลอย่างไร