ล่าสุด ’วีวี่' ให้ปากคำ ตร.หลังถูกหลอกสูญ 5 เเสนบาท มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย

05 มิถุนายน 2566

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน เรียกว่าเป็นข่าวที่ฮือฮาของแฟนรายการ The Ghost Radio เมื่อ แจ็ค วัชรพล ผู้ดำเนินรายการ ได้ออกมาประกาศผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ได้พักงานทีมงานรายดังกล่าว

ล่าสุด ’วีวี่' ให้ปากคำ ตร.หลังถูกหลอกสูญ 5 เเสนบาท มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย

ล่าสุด ’วีวี่' ให้ปากคำ ตร.หลังถูกหลอกสูญ 5 เเสนบาท มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย ]

 

ซึ่งทาง วีวี่ อดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio เปิดใจหลังถูกพักงาน เผยรู้ไม่ทันกลโกงมิจฉาชีพ ทำพี่ชายที่รักและไว้ใจในตัวเองเสียใจ ไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อ วอนสังคมเห็นใจเธอด้วย เพราะเธอไม่ค่อยเห็นข้อมูลข่าวสารทางโซเชียล

 

 

เรียกว่า สะเทือน วงการผีอย่างเเท้จริง โดยทาง วีวี่ อดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio ที่ล่าสุด ได้หอบหลักฐานเข้าให้ปากคำ ตร. หลังถูกมิจฉาชีพหลอกรีวิวสินค้า-ร่วมภารกิจเพิ่มยอดขาย สูญเงินไปกว่า 5 แสน เจ้าตัวเล่าวิธีการละเอียดยิบจุดเริ่มต้น-ขั้นตอนสุดท้าย มีผู้เสียหายแล้ว 100 ราย บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย ตร.พบเส้นทางเงินบัญชีม้า 

ล่าสุด ’วีวี่' ให้ปากคำ ตร.หลังถูกหลอกสูญ 5 เเสนบาท มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย

วันที่ 5 มิถุนายน น.ส.ศุภณัฐ ดำรัสสิริ หรือ วีวี่ อดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio เข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกให้รีวิวสินค้าในแอปพลิเคชัน แล้วจะได้ค่าคอมมิชชัน ให้ร่วมภารกิจเพิ่มยอดขาย ด้วยการฝากเงิน แล้วจะได้โบนัส 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกก่อน และจะได้เงินคืนต้องปฎิบัติภารกิจให้สำเร็จก่อน จนสูญเงินไป 5.6 แสนบาท ซึ่งได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจึงนัดมาให้ปากคำในวันนี้

น.ส.ศุภณัฐ เผยว่า หลังจากโพสต์เตือนประชาชนไป พบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกเหมือนกันอีกหลายคน เท่าที่รวบรวมได้ ขณะนี้มี 60 คน โดยมี 1 ในนั้นถึงกับฆ่าตัวตาย เพราะถูกมิจฉาชีพรายนี้หลอก ส่วนพฤติการณ์ของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ จุดเริ่มต้นมาจากการที่ได้รับติดต่อให้รีวิวเสื้อผ้า โดยจะมีการส่งเสื้อผ้ามาให้และถ่ายรูปรีวิวสินค้า จากนั้นจะมีการโอนเงินให้ ตนจึงตอบตกลง และมีการแอดไลน์จากเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายเพื่อถามชื่อและสัดส่วนในการส่งสินค้าให้ จากนั้นมีการดึงเข้ากลุ่มที่มีคนรีวิวสินค้าแบบนี้เยอะๆ

น.ส.ศุภณัฐ เผยว่า จากนั้นเขาให้โหลดแอปพลิเคชั่นเทเลแกรม เพื่อดึงเข้ากลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 300 คน ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องการได้รับเสื้อผ้า และนำมารีวิวแล้ว โดยเป็นการคุยที่เยอะมาก จู่ๆในแชทก็มีคนกดเลขหนึ่งซ้ำหลายๆครั้ง จึงสงสัยและไปถามคนที่ดึงเข้ากลุ่ม ก็ได้คำตอบว่าเป็นการยืนยันรับภารกิจเพิ่มยอดขาย มีตัวเลือกให้ สามตัวเลือก วงเงินแตกต่างกัน โดยต้องสำรองเงินไปก่อน ซึ่งขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และจะได้กลับคืนมาตามที่เลือกไว้  ตอนนั้นจึงสังเกตุดูคนในกลุ่มส่งสลิปโอนเงิน และมีคนได้เงินคืนจริง จึงโอนเงินตาม จากนั้นมีข้อความระบุมีภารกิจที่สองขึ้นมา ซึ่งหากปฏิเสธการเข้าร่วมภารกิจเกินสามครั้ง ก็จะถูกดึงออกจากกลุ่มทันที

"ได้โอนเงินเพิ่มขึ้น ในภารกิจที่สอง และ สาม ซึ่งก็ยังได้รับค่าคอมมิชชั่นคืนมาตามที่มีการแจ้งไว้ จากนั้นในวันต่อมาได้มีภารกิจใหม่เข้ามาในวงเงินหลักหมื่น โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่นกลับมา 50 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่โอนเข้าไป เมื่อเห็นคนอื่นโอน และ ส่งสลิปลงในกลุ่ม จึงโอนตามไป ยอมรับว่าไม่ได้ฉุกใจว่าคนในกลุ่มดังกล่าวเป็นหน้าม้าหรือไม่ เพราะมีบางรายได้ทักแชทมาคุยส่วนตัว ถึงกลุ่มดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้หรือไม่ จึงสร้างความสับสนในจุดนี้มาก"

น.ส.ศุภณัฐ กล่าวอีกว่า เมื่อโอนเงินหลักหมื่นในครั้งนี้แล้ว แอดมินที่ดึงตนเข้ากลุ่มก็ทักแชทส่วนตัวระบุว่าจะดึงตนเข้ากลุ่มวีไอพี เพราะวงเงินสูงขึ้น จากนั้นจึงถูกเชิญออกจากกลุ่มเดิม ที่มีสมาชิก 300 คน และถูกเชิญเข้ากลุ่มวีไอพี ที่มีสมาชิก 5 คน โดยส่วนตัวไม่อยากเล่นภารกิจแล้ว และอยากได้เงินคืน เพราะตอนนี้จำนวนเงินอยู่ที่ 20,000 บาท จึงสอบถามไปยังแอดมินว่าต้องทำอย่างไร อีกฝ่ายก็ระบุให้ทำภารกิจเพิ่ม โดยการโอนเงิน 70,000 บาท เพื่อรับเงินคืน

“ด้วยความอยากได้เงินคืนและไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงตัดสินใจโอนเงินไป และต้องโอนเงินให้ครบทั้งห้าคน เมื่อผ่านภารกิจที่หนึ่งแล้ว จากนั้นแอดมินก็ให้ทำภารกิจที่สอง โดยให้โอนเงินอีก 160,000 บาท โดยคนในกลุ่มเริ่มมีการโวยวายขึ้น ขณะนั้นไม่ฉุกคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ต้องการเพียงเงินคืนเท่านั้น และหากไม่โอนเงินในภารกิจที่สอง ตนก็จะไม่ได้เงิน 90,000 บาท ที่จ่ายไปก่อนหน้านี้คืนมา”

น.ส.ศุภณัฐ ระบุด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าตอนนั้นจึงต้องไปหาเงินมา 160,000 บาทเพื่อโอนไปให้อีกฝ่าย แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่เสร็จสิ้นภารกิจ และถูกให้ทำภารกิจที่สาม โดยการให้โอนเงิน 300,000 บาท เพื่อแลกกับการที่จะได้เงินคืน 1 ล้านกว่าบาท หลงเชื่อจึงไปหาเงินมาโอนให้ แต่สุดท้ายได้รับคำตอบว่าทั้งหมดทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะทั้งห้าคน โอนเงินไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด จึงจะให้โอนเงินเพิ่มอีก 500,000 บาท ซึ่งขณะนั้นไม่มีเงินแล้ว และเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกจึงไม่ยอมโอนเงินให้อีก

" การสูญเสียเงินทั้งหมด เกิดขึ้นภายใน 1 วันเท่านั้น และสาเหตุที่โอนเงินเร็ว เพราะ อีกฝ่ายให้เวลาในการทำภารกิจเพียง 7 นาที หากทำไม่ทันเวลา ภารกิจจะล้มเหลว และไม่ได้เงินคืน จึงทำให้ไม่มีเวลาฉุกคิดหรือปรึกษาใคร ส่วนภารกิจที่มิจฉาชีพให้ทำคือการโอนเงินเพื่อกระตุ้นยอดขาย จากนั้นมีการส่งลิงค์มาให้กดสินค้าลงตะกร้าออนไลน์ เพื่อสั่งซื้อ เป็นการกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้า ส่วนสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าที่บอกว่าจะให้รีวิวให้นั้น จนขณะนี้ก็ยังไม่เคยได้ใส่ ที่ผ่านมาติดต่อผ่านการแชทเพียงอย่างเดียวไม่เคยมีการโทรศัพท์พูดคุยกันเลยสักครั้ง"

น.ส. ศุภณัฐ เล่าต่ออีกว่า สำหรับบุคคลอีกสี่คนในกลุ่มวีไอพี ตนมาทราบภายหลังจากที่ไปดำเนินเรื่องที่ธนาคาร ว่าในวันดังกล่าวได้มีใครโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ตัวเองโอนหรือไม่  เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่ามีเพียงตัวเองคนเดียวเท่านั้นที่โอนเงินให้ จึงเชื่อว่ากลุ่มคนในห้องวีไอพี เป็นหน้าม้าที่มาหลอกให้หลงเชื่อ

น.ส.ศุภณัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนบัญชีที่ตนโอนเงินให้ในกลุ่มแรก ตลอดจนกลุ่มวีไอพี มีทั้งหมดสี่บัญชี รายชื่อไม่ซ้ำกัน ซึ่งในวันนี้ได้นำหลักฐานเป็นสเตทเมนท์ สลิปการโอนเงิน และประวัติการแชท มาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็น ดราม่าระหว่าง นายวัชรพล ฝึกใจดี หรือแจ็ค เดอะโกสต์ เรดิโอ กับ น.ส.ศุภณัฐ โดยเจ้าตัวเงียบก่อนจะเปิดเผยด้วยเสียงสั่นเครือว่า ผิดก็ยอมรับผิด ยอมรับว่าโกหกจริง ในเวลาที่ถูกบีบบังคับเพียง 7 นาที ไม่สามารถปรึกษาหรือ หาเงินได้ทัน และพี่แจ็คก็อยู่ในจุดนั้นจึงต้องโกหกเพื่อเอาเงินมา 

“ยอมรับผิดกับการกระทำของตัวเอง และยอมรับว่าไม่มีทางเลือกจริงๆ จากนี้คงเป็นได้แค่พี่น้องที่ดีต่อกัน และหากพี่แจ็คให้อภัยให้ก็ดีใจ แต่คงไม่สามารถไปร่วมงานได้แล้ว เพราะเป็นความผิดกฎของบริษัท”

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และแจ้งความออนไลน์ไว้แล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 จะสอบสวนเพื่อติดตามเส้นทางเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพรายนี้ ซึ่งเบื้องต้นพบบัญชีม้าแล้ว 2 คน และทราบตัวตนแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกต่อไป โดยรับปากว่าจะติดตามทำคดีนี้ให้ดีที่สุด