น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว

06 กันยายน 2565

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อม ด้านทนายจี้ตำรวจเปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนให้ญาติสบายใจ หวั่นสำนวนไม่ละเอียดจนอาจทำให้ผู้ต้องหาหลุดในชั้นศาล

       เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ 5ก.ย.65 ที่ สภ.บางบัวทอง ทนายปิยณัฐ สุกยัง เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางอำนวย เพ็งเพชร น้าของน้องเจ้าขาและน้องพีพี  เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นพยาน  ในคดีน้องเจ้าขาถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส  พร้อมขอทราบความคืบหน้าของคดีน้องพีพีจากพนักงานสอบสวน 

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว

     ทนายปิยณัฐ กล่าวว่า วันนี้พาน้าของน้องทั้งสองในฐานะพยานแวดล้อมมาพบพนักงานสอบสวน  ตามที่ตำรวจต้องการพยานแวดล้อม  ส่วนคดีนั้นอยากบอกว่า  คนที่เห็นเหตุการณ์มีแค่แม่กับพ่อเลี้ยงเท่านั้น  คนอื่นไม่เห็น  เป็นแค่พฤติการณ์แวดล้อมเท่านั้น  เป็นพยานบอกเล่าหรือได้ยินมาบางส่วน  ทางน้าได้ยินเรื่องราวมาทางโทรศัพท์และได้พูดคุยกับผู้เป็นแม่โดยตรง  วันนี้ตำรวจต้องการสอบพยานเราก็พามาให้  แต่เราขอทราบได้ไหมว่าทำสำนวนถึงขั้นตอนไหน  ให้ทางญาติได้สบายใจว่าตำรวจได้สอบไปแล้ว  ทำไว้แล้ว  ไม่ใช่แจ้งข้อหาหนักไป  พอถึงศาลแล้วคดีหลุดเพราะสอบไม่ละเอียด เราไม่ต้องการให้เกิดภาพแบบนั้น ทาง สภ.บางบัวทอง ให้เราได้ไหม  ถ้าไม่ได้เราก็ต้องขยับมากขึ้น 

    ทนายปิยณัฐ กล่าวต่อไปว่า ทางเราขอดูเวชระเบียนอย่างชัดเจนที่ทางตำรวจได้มา  เราพยายามขอจากโรงพยาบาลแล้ว  แต่โรงพยาบาลยังไม่ออกมาให้  ต้องดูในส่วนของสำนวนว่ามีร่องรอยอะไรไหม  ถ้าไม่มีก็คือไม่มี  เราต้องอาศัยพยานแวดล้อมต่าง ๆ เข้ามาในคดี  เพราะจะสามารถเอาผิดกับแม่และพ่อเลี้ยงได้  ทั้งนี้เท่าที่คุยกับย่าและพ่อของน้องก็มีความหวั่นใจ  ตนเองเข้าใจว่าเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่ไม่ให้ดูสำนวน  

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว

แต่หลายคดีที่ตนเองทำมาเป็นร้อย ๆ คดี  ปกติทางผู้เสียหายขอดูได้  น้อยมากที่จะใช้ดุลพินิจไม่ให้ดู  ส่วนตัวเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนมีดุลพินิจไม่ให้เรดูได้  แต่ก็มีข้อสงสัยจากย่าและพ่อว่า  การตั้งข้อหาไม่ว่าจะเป็นทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตของน้องพีพี  หรือข้อหาใหม่ของน้องเจ้าขา  ตำรวจมั่นใจขนาดไหนว่าจะเอาผิดได้  เราอยากขอความชัดเจนตรงนี้  คนที่เสียลูกชายไปและลูกสาวบาดเจ็บขนาดนี้  ควรใช้กฎหมายช่วยให้มากที่สุด

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว

 

     ด้าน นางอำนวย เพ็งเพชร น้าของน้องพีพีและน้องเจ้าขา กล่าวว่า ตนเองเคยคุยโทรศัพท์กับแม่ของน้องทั้งสอง  สอบถามความเป็นอยู่สารทุกข์สุขดิบตลอด  ซึ่งแม่บอกว่าน้องสบายดี ไปโรงเรียน มีคนดูแล มีพยาบาลดูแลตลอด ไม่ต้องเป็นห่วง ตนเองก็สบายใจ  จนมาทราบว่าน้องเสียชีวิต  ส่วนอีกคนโดนทำร้ายสาหัส รู้สึกเสียใจ  ทุกครั้งไปเยี่ยมน้องเจ้าขาที่โรงพยาบาล  เห็นน้องหัวบวม ร่างกายมีบาดแผลเต็มตัว ทุกครั้งน้องพยายามเรียกย่าๆๆ ก็น้ำตาซึม  ตนเอง ย่าและพ่อของน้อง เคยมาติดต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา  กรณีน้องพีพีเสียชีวิต  เราทุกคนติดใจและไม่เชื่อว่าหลานจะเสียชีวิตโดยไม่มีสาเหตุ  และไม่น่าใช่การเสียชีวิตธรรมดา  เราพยายามถามความคืบหน้าของคดีแต่ไม่คืบ  จึงต้องมาร้องทนายรณรงค์ให้ช่วยเหลือ  จนค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา  และนำไปสู่การจับกุมตัวแม่และพ่อเลี้ยง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนทำร้ายหลานทั้งสองคน  ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว

น้าของน้องพีพี-น้องเจ้าขา เข้าให้ปากคำในฐานะพยานแวดล้อมแล้ว


ภาพ - ข่าว โดย สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ สำนักข่าวเนชั่น จ.นนทบุรี