กลายเป็นประเด็นที่หลายคนที่กำลังปวดฟันอยู่ตอนนี้ให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อสื่อต่างประเทศได้รายงานกรณีที่น่าสนใจ เมื่อ หญิงสาวชาวอินโดนีเซีย วัย 31 ปี ไปพบทันตแพทย์เนื่องจากอาการปวดฟันเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งทันตแพทย์พบว่าฟันคุดของเธอมีอาการเอียงจึงแนะนำให้เธอเข้ารับการผ่าตัดถอนฟันคุดออก
ทว่าหลังจากถอนฟันคุด เหงือกของหญิงสาวกลับมีอาการบวมอย่างรุนแรง ซึ่งสามีของหญิงคนดังกล่าวก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพาภรรยาไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่นทันที แพทย์พบว่า คอของหญิงสาวติดเชื้อจึงรีบส่งเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ แม้ว่าสุขภาพของหญิงสาวจะดีขึ้นหลังการรักษา แต่ไม่กี่วันหลังจากกลับบ้าน อาการเจ็บคอของเธอก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เธอพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากถอนฟันคุด อาการของหญิงสาวก็ทรุดลงอย่างรวดเร็วจนเธอไปพบแพทย์ครั้งที่ 3 แพทย์ยืนยันว่าคอของหญิงสาวติดเชื้อแบคทีเรีย แม้ว่าหญิงสาวจะรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง แต่อาการของเธอกลับไม่ดีขึ้นจนเริ่มมีการติดเชื้อได้แพร่กระจายไปยังทางเดินหายใจของเธอจนเธอต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจ
ในที่สุดหญิงสาวก็ถูกย้ายไปยังห้องไอซียู จากนั้นเมื่ออาการของหญิงสาวเริ่มดีขึ้นแล้วจึงออกจากโรงพยาบาล แต่เธอก็ไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป กินได้แต่ทางสายยางเท่านั้น จากนั้นเธอก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ จนเดินไม่ได้และน้ำหนักของเธอลดลงเหลือ 27 กิโลกรัม
ท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา หญิงสาวเสียชีวิตแล้ว ด้วยอาการป่วยติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความประมาทเลินเล่อทางการแพทย์ และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพในอุตสาหกรรมการแพทย์
อย่างไรก็ตาม ขณะที่สามีของหญิงสาวตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายกับทันตแพทย์ผู้รับผิดชอบการผ่าตัด โดยหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ยังคงยืนยันว่าทุกอย่างเป็นปกติในระหว่างการผ่าตัดและไม่มีความประมาทเลินเล่อ
ข้อมูลจาก Enews