เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

11 ธันวาคม 2566

“ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์” แบบเรียลไทม์ ช่วยเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการรุกล้ำของน้ำเค็มแก่เกษตรกรและชุมชนริมคลอง เพื่อเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันท่วงที”

หากเอ่ยถึง ส้มบางมด ในอดีตเป็นผลไม้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับคลองบางมด แต่จากปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำอย่างต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลกระทบต่อชาวสวนส้ม ทำให้ปัจจุบันสวนส้มบางมดกำลังจะเลือนหายไปจากพื้นที่ และการขาดแคลนน้ำจืดยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตไม้ผลพืชสวนของเกษตรกร และสัตว์น้ำของผู้ทำประมงน้ำจืดในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ และบางขุนเทียน มากกว่า 200 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 500 ไร่ ทำให้ชาวบ้านต้องเลิกทำเกษตรไปหลายราย 

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

จากปัญหาสู่การพัฒนา “ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์”


          จากปัญหาของเกษตรกรเเละชาวบ้านในพื้นที่ คณะทำงานโครงการมหาวิทยาลัยกับชุมชนและสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จึงมีแนวคิดพัฒนา “ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์” ขึ้น เพื่อใช้ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์การรุกล้ำของน้ำเค็มในคลองบางมดและคลองสาขา เฝ้าระวังและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำโดยเฉพาะค่าความเค็มที่สูงกว่ามาตรฐานกำหนดให้กับเกษตรกร เพื่อเตรียมป้องกันและรับมือได้อย่างทันท่วงที  โดยทางคณะทำงานคาดหวังว่าเครื่องมือนี้จะมีส่วนช่วยให้เกษตรกรสามารถประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อเตรียมตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่เกิดขึ้น และฐานข้อมูลคุณภาพน้ำที่ได้เก็บรวบรวมไว้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำของชุมชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ในอนาคต

โดยได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาและติดตั้งจาก มจธ. จำนวน 5 เครื่อง และ Claremont McKenna College สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างสถาบันการศึกษา จำนวน 1 เครื่อง รวมทั้งสิ้น 6 เครื่อง ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2566 

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

ทุ่นตรวจวัดและแจ้งเตือนคุณภาพน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบด้วย 


-    แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 20 วัตต์สำหรับผลิตไฟฟ้าให้ระบบ มี Router Wi-fi ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
-     ทุ่นลอยน้ำมีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก แต่สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุดได้ถึง 70 กิโลกรัม 
-    เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำ ที่ดัดแปลงและพัฒนามาจากเซ็นเซอร์สำหรับตรวจวัดคุณภาพน้ำในอควาเรียม ที่วัดค่าคุณภาพน้ำได้ถึง 6 พารามิเตอร์ (ความเค็ม อุณหภูมิ ความถ่วงจำเพาะ กรด-ด่าง การนำไฟฟ้า และของแข็งที่ละลายน้ำ) 

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก
 

จุดเด่นของเครื่อง 
-     เมื่อค่าความเค็มในน้ำสูงกว่า 1.2 ppt (ค่าความเค็มที่เป็นอันตรายต่อพืช) ทุ่นตรวจวัดจะส่งข้อมูลแจ้งเตือนเข้าไปในแอปพลิเคชันบนมือถือแบบเรียลไทม์ 
-    เกษตรกรสามารถนำข้อมูลที่ได้ ไปวางแผนการจัดการน้ำในพื้นที่ของตนเองหรือสูบน้ำเข้ามากักเก็บไว้ก่อนที่น้ำเค็มจะรุกล้ำเข้ามาได้อย่างทันท่วงที 
-    สามารถเก็บบันทึกข้อมูลน้ำย้อนหลังเป็นรายชั่วโมงเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์แผนการจัดการน้ำ 
-    ทุ่นยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ติดตั้งได้ทุกพื้นที่แม้สายส่งไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง และราคาถูก

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

ปัจจุบันคณะทำงานได้ดำเนินการพัฒนาและติดตั้งทุ่นตรวจวัดฯ เรียบร้อยแล้วทั้ง 6 จุด ได้แก่ 


จุดที่ 1 คลองบางมด ติดตั้งที่หน้าบ้านของสวนมะพร้าวลุงวิชัย แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน (ตรงข้ามมัสยิดนูรุลหุดา พุทธบูชา 36 แยก 8) เนื่องจากคลองบางมดเป็นคลองหลักที่ชุมชนมีการนำน้ำไปใช้และไหลไปตามลำปะโดงต่างๆ ถือเป็นจุดแรกที่ทำการทดสอบและได้ผลสำเร็จ นำไปสู่การขยายผลต่อในจุดอื่นๆ 
จุดที่ 2 คลองรางแม่น้ำ เซฟติสท์ฟาร์ม (ประชาอุทิศ 76) เป็นจุดรับน้ำจาก 3 พื้นที่ (พระสมุทรเจดีย์, ทุ่งครุ และบางขุนเทียน) ถือเป็นจุดจุดรับน้ำต้นทาง ที่สามารถตรวจวัดคุณภาพน้ำก่อนที่จะไหลเข้าลำคลองบางมด  
จุดที่ 3 คลองขุดเจ้าเมือง ครุใน (สุขสวัสดิ์ 70 แยก 16) เป็นคลองที่เชื่อมต่อมาจากพระประแดง ถือเป็นจุดรับน้ำต้นทาง 
จุดที่ 4 คลองรางราชพฤกษ์น้อย หรือคลองตาเหลือ อยู่ใกล้กับกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนกัมปงในดงปรือ (ประชาอุทิศ 72) เป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงปลาค่อนข้างมาก (ประมงน้ำจืด) ถือเป็นจุดที่เกษตรกรและผู้ทำประมงได้รับความเดือดร้อนจากน้ำเค็มค่อนข้างมาก 
จุดที่ 5 คลองค้างคาว (ประชาอุทิศ 76 ลอดผ่านเลียบทางด่วนสายบางขุนเทียน-พระประแดง) เป็นแหล่งเลี้ยงปลาหรือวังปลาขนาดใหญ่ (ทั้งประมงน้ำจืด และน้ำกร่อย) ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับเขตบางขุนเทียน
จุดที่ 6 คลองดาวคะนอง บริเวณประตูระบายน้ำดาวคะนอง อยู่ในความดูแลของสถานีสูบน้ำคลองดาวคะนอง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับคลองสาขา ทุ่นที่ติดตั้งในจุดนี้มีความแตกต่างจาก 5 ทุ่นข้างต้น คือ จัดทำเป็นสถานีแบบถาวร เนื่องจากเป็นปากคลองขนาดใหญ่ก่อนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำค่อนข้างลึก และมีเรือสัญจรเข้าออกตลอดเวลา เกิดคลื่นน้ำกระแทกเข้าฝั่งอย่างรุนแรง ดังนั้นกล่องควบคุมและแผงโซลาร์เซลล์ จึงติดตั้งไว้บนฝั่งแทนการลอยน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหาย และสะดวกในการดูแลรักษา 

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

     จารุวรรณ แสงอรุณ ตัวแทนเกษตรกรกลุ่มสัตว์น้ำทุ่งครุ กล่าวว่า “ปัจจุบันทางกลุ่มฯ มี สมาชิกประมาณ 150 คน ปัญหาที่พบกันส่วนใหญ่ คือ นาก และน้ำเค็ม โดยเฉพาะค่าความเค็ม  เพราะ ปลานิล ปลายี่สก และปลาตะเพียน ถ้าค่าความเค็มตั้งแต่ 3 ppt ให้เฝ้าระวัง ส่วนปลาจาระเม็ด ถ้าความเค็มตั้งแต่ 2 ppt ขึ้นไปก็ควรระมัดระวังเช่นกัน หากปิดประตูกั้นน้ำไม่ทัน น้ำเค็มเข้าท่วมบ่อปลา ต้องรีบนำปลาขึ้นจากบ่อ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ทัน ปัจจุบันพอได้ทุ่นฯ ตัวนี้มาใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องคอยตรวจวัดด้วยเครื่องวัดแบบเดิม ไม่ต้องรอผลวิเคราะห์นาน สามารถตรวจดูค่าความเค็มได้จากมือถือ อยู่ที่ไหนก็วัดได้ มีความแม่นยำ รู้ผลรวดเร็ว ทำให้มั่นใจ 

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

ผลจากการนำไปใช้ 


-    จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากทุ่นตรวจวัดฯ ที่ติดตั้งในจุดที่ 6 (ประตูน้ำดาวคะนองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา)  เมื่อเดือน ก.ย. พบว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่พบปัญหาการรุกล้ำน้ำเค็มที่เข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา 
-    คลองบางมดและคลองสาขาในพื้นที่ยังคงประสบปัญหาน้ำเค็มอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็มที่พบ เกิดจากภายในคลองบางมดมากกว่า โดยน้ำเค็มที่รุกล้ำ ส่วนใหญ่ไหลเข้ามาทางพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตบางขุนเทียน และสมุทรปราการ ดังนั้น มจธ. จึงเตรียมขยายโครงการในปีถัดไป เพื่อพัฒนาและติดตั้งทุ่นตรวจวัดฯ เพิ่มขึ้นในจุดเชื่อมต่อคลองบางมดที่สำคัญต่อไป

เฝ้าระวังชุมชนริมคลอง ด้วยเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำเค็มบุก

แนวทางการพัฒนาต่อยอด 


-    ทุ่นต้นแบบรุ่นใหม่ คณะทำงานคาดว่าจะเพิ่มคุณสมบัติการตรวจวัดทิศทางการไหล และระดับน้ำในคลอง  เพื่อคาดการณ์และทำนายระยะเวลาที่มวลน้ำเค็มเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ เกษตรกรจะมีเวลาในการเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันท่วงที  
-    สร้างเครือข่ายการแจ้งเตือนน้ำเค็มระหว่างกลุ่มผู้ใช้น้ำขนาดเล็กระดับเขต ก่อนขยายไปสู่เขตอื่นที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปีหน้า