เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสคืออะไร? พร้อมวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจเรา

เคยเจอกับปัญหาไฟฟ้าดับขณะเครื่องจักรกำลังเดินระบบอยู่หรือเปล่า? สำหรับหลายธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ระบบไฟฟ้าที่เสถียรคือปัจจัยสำคัญของกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ด้วยไฟฟ้าทำให้การขับเคลื่อนเครื่องจักร สายพานลำเลียง คอมเพรสเซอร์ หรือระบบควบคุมอัตโนมัติสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลื่นไหล หากธุรกิจอุตสาหกรรมไหน กำลังมองหาตัวช่วยเสริมความมั่นใจให้กระบวนการผลิตในโรงงานตนเอง ทำงานได้ไม่แบบติดขัด เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส คือหนึ่งในคำตอบ และในบทความนี้ เราจะพามาทำความรู้จักกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส กัน ทั้งหลักการทำงาน ข้อดี และวิธีเลือกใช้งานให้เหมาะกับประเภทธุรกิจ มาดูกันว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสช่วยเสริมการทำงานให้กระบวนการผลิตอย่างไร ทำไมหลายองค์กรชั้นนำด้านอุตสาหกรรมถึงเลือกใช้ 

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส คืออะไร?

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส (Three-phase Generator) เป็นระบบจ่ายไฟที่นิยมใช้ในภาคอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบการที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก โดยจ่ายกระแสไฟผ่านสายไฟ 3 เส้น ทำให้การส่งพลังงานมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องมากกว่าระบบเฟสเดียว ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และรองรับโหลดไฟฟ้าหนักได้ดี นอกจากนี้ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ยังสามารถใช้กับมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องจักรอุตสาหกรรม และระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ซึ่งต้องการแรงดันไฟฟ้าที่สม่ำเสมอและเสถียรในการทำงาน

ข้อดีของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟส
เมื่อพูดถึงการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างรอบด้าน โดยข้อดีของการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสไว้ในโรงงาน มีดังนี้

จ่ายพลังงานได้ต่อเนื่องและเสถียร
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาแบบสม่ำเสมอ โดยเฟสทั้ง 3 จะช่วยกันทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่ไฟดับชั่วคราวเหมือนในระบบเฟสเดียว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องจักรที่ต้องทำงานตลอดเวลา เช่น สายพานลำเลียง ลิฟต์ หรือระบบระบายอากาศในอาคารสูง ที่ไม่สามารถให้ไฟตกหรือขาดได้เลย
 

ประหยัดพลังงานและต้นทุน

ระบบ 3 เฟสช่วยให้การจ่ายไฟมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้สายไฟขนาดเล็กลง ลดความร้อนจากการส่งไฟฟ้า จึงช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ทำให้ต้นทุนทั้งในด้านค่าไฟและค่าอุปกรณ์ลดลง

รองรับโหลดไฟฟ้าสูงได้ดี
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสสามารถรองรับการใช้งานไฟฟ้าที่มีภาระสูงได้โดยไม่เกิดปัญหาไฟตกหรือแรงดันไม่สม่ำเสมอ จึงเหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรจำนวนมาก หรือระบบที่ต้องใช้กำลังไฟสูงพร้อมกันหลายจุด

วิธีเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสให้เหมาะกับการใช้งาน

แม้ว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสจะมีประสิทธิภาพสูงและตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้ดี แต่การเลือกเครื่องให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานจริงของแต่ละธุรกิจเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเลือกผิด อาจทำให้เกิดภาระต้นทุนโดยไม่จำเป็น ควรพิจารณาตามนี้

ประเมินโหลดที่ใช้งานจริง
ควรสำรวจว่าธุรกิจของเรามีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่กี่กิโลวัตต์ หรือกิโลโวลต์แอมแปร์ เพื่อเลือกเครื่องที่มีพลังงานเพียงพอ ไม่ต่ำเกินไปจนอาจทำให้เครื่องทำงานหนัก หรือสูงเกินไปจนสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

พิจารณาระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้า
ระบบ AVR (Automatic Voltage Regulator) จะช่วยควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ แม้มีการเปลี่ยนแปลงของโหลด จึงเหมาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภท Sensitive เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องมือแพทย์ และระบบอัตโนมัติ

เลือกตามประเภทเชื้อเพลิง
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสมีทั้งแบบเบนซิน ดีเซล หรือก๊าซ แต่แบบดีเซลได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคอุตสาหกรรม เพราะอายุการใช้งานยาวนาน ดูแลรักษาง่าย และประหยัดในระยะยาว

ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและการรับประกัน

การเลือกแบรนด์ที่มีมาตรฐานรองรับ เช่น ISO, CE หรือผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องมีความปลอดภัย ใช้งานได้จริง และมีบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้

ได้รู้ถึงข้อดี จุดเด่น และวิธีการเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสกันไปแล้ว จะเห็นว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เฟสเหมาะกับธุรกิจ หรือโรงงานที่ต้องการความเสถียรของพลังงาน ใช้งานเครื่องจักรต่อเนื่อง หรือมีภาระโหลดไฟฟ้าสูง เพราะพลังงานมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องมากกว่าระบบเฟสเดียว ช่วยให้การดำเนินงานไม่สะดุด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากเรายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่นไหน ขนาดเท่าไร หรือควรใช้ระบบแบบใดให้เหมาะกับลักษณะงานของเรา ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Chuphotic พร้อมให้คำปรึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยวิเคราะห์ความต้องการของเราอย่างตรงจุด เพื่อแนะนำเครื่องที่เหมาะสมที่สุด สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-262-0760