ซาอุฯปลื้ม "มันสำปะหลังอัดเม็ด" จากไทย สั่งเพิ่มทันที 3 หมื่นตัน

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย “พาณิชย์” เจรจา ARASCO ผู้นำ Food Security ซาอุฯ ดันออเดอร์มันสำปะหลังอัดเม็ดไทยเพิ่มทันที 30,000 ตัน ปีหน้าจ่อสั่งเพิ่มอีก 100,000 ตัน พร้อมเปิดกว้างความร่วมมือสินค้าเกษตร–อาหารครบวงจร

 

 

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยนางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางปิยนุช วุฒิสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพบหารือกับนาย Ziyad A. Al-Sheikh ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ARASCO ซึ่งถือเป็นบริษัทหลักในการขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย ดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหาร ปุ๋ย ยา สารกำจัดศัตรูพืช ไปจนถึงบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร

 

รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า ไทยหารือร่วมกับ ARASCO มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความมั่นคงอาหารของซาอุดีอาระเบีย โดยมันสำปะหลังอัดเม็ดเป็นสินค้าหลักที่กรมการค้าต่างประเทศเริ่มทดลองส่งออกไปก่อนหน้านี้ราว 20,000 ตัน ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก

“ARASCO มีหลักการสำคัญ 4 ข้อในการคัดเลือกวัตถุดิบ คือ ราคาที่เหมาะสม คุณภาพได้มาตรฐาน ส่งมอบได้ตามต้องการ และความต่อเนื่องของการจัดส่ง ซึ่งไทยตอบโจทย์ครบถ้วน ทำให้วันนี้เขาตัดสินใจเพิ่มคำสั่งซื้ออีกประมาณ 30,000 ตัน และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปีหน้าจะมีความต้องการนำเข้าเพิ่มอีก 100,000 ตัน” นางศุภจีระบุ

การพูดคุยครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเปิดโอกาสขยายความร่วมมือสินค้าเกษตรและอาหารหลายชนิด โดยไทยเสนอสินค้าเพิ่มเติม เช่น ปลายข้าว หญ้าเนเปียร์สำหรับอาหารสัตว์ อาหารเลี้ยงปลา และอาหารสัตว์ปีก ซึ่ง ARASCO ให้ความสนใจและพร้อมศึกษาต่อยอดร่วมกับไทยในระยะยาว

ขณะเดียวกัน ARASCO มีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์ปีกภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า ไทยจึงเสนอศักยภาพของไทยในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฮาลาลและการแปรรูปอาหาร พร้อมเปิดเผยว่า ผู้ประกอบการไทยที่ส่งสินค้ามายังซาอุฯ ระบุว่ามีสินค้าพร้อมส่ง เช่น ไก่แปรรูป เกี๊ยวซ่า ไส้กรอก นักเก็ต รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง–พร้อมทาน ซึ่งตลาดซาอุดีอาระเบียยังมีโอกาสเติบโตสูง

รัฐมนตรีพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยพร้อมเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพและพันธมิตรด้านอาหารที่เชื่อถือได้ อีกทั้งสามารถอาศัยความหลากหลายของธุรกิจในเครือ ARASCO เพื่อขยายการส่งออกเกษตรและอาหารสู่ตะวันออกกลาง ทั้งด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ การร่วมลงทุนด้านอาหารหรือปศุสัตว์ และการพัฒนานวัตกรรมเกษตรหรือ Smart Farming

สำหรับปี 2567 ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าอันดับ 19 ของไทยในตลาดโลก และอันดับ 2 ในตะวันออกกลาง การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 7,757.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทย 2,856.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 4,900.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซาอุดีอาระเบียยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร (HS 01–24) อันดับที่ 26 ของไทย มูลค่า 247.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.–ต.ค.) ปี 2568 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปซาอุดีอาระเบีย 219.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปลาที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย ข้าว อาหารสัตว์ ผลไม้ ลูกนัต และพืชผัก