ราชกิจจาฯ ประกาศ รถยนต์-รถยนต์ไฟฟ้า เป็นสินค้าควบคุมฉลาก

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ให้รถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก

โดยที่ปัจจุบันรถยนต์ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการเดินทางและสามารถหาซื้อได้โดยง่าย ประกอบกับรถยนต์พลังงานทางเลือกโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่มีผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาเสนอขาย และทำการตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณาเลือกซื้อสินค้า และได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าดังกล่าว จึงสมควรกำหนดให้รถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก

 

 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ในประกาศนี้

"รถยนต์" หมายความว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่ยังมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

"รถยนต์ไฟฟ้า" หมายความว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่เดินด้วยกำลังไฟฟ้า หรือเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ยังมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

ข้อ ๒ ให้รถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก

ข้อ ๓ ฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลากตามข้อ ๒ จะต้องระบุข้อความ รูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพตามความเหมาะสม แล้วแต่กรณี แต่ข้อความนั้นจะต้องตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของสินค้านั้น และต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาไทยกำกับภาษาต่างประเทศเพื่ออธิบายให้เข้าใจความหมายของรูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพ ที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อ ๔ ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากที่ผลิตขึ้นเพื่อการส่งออกและไม่ขายในประเทศไทย

ข้อ ๔ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากจะต้องระบุข้อความ ดังต่อไปนี้

(๑) ชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้าที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร
(๒) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายในประเทศไทย
(๓) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้สั่งหรือผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย
(๔) กรณีที่เป็นสินค้านำเข้าให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย
(๕) สถานที่ตั้งของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือของผู้สั่งหรือผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักร
(๖) ต้องแสดงขนาด หรือมิติของสินค้านั้น สำหรับหน่วยที่ใช้จะใช้ชื่อเต็ม ชื่อย่อหรือสัญลักษณ์แทนก็ได้
(๗) น้ำหนักของสินค้า สำหรับหน่วยที่ใช้จะใช้ชื่อเต็ม ชื่อย่อ หรือสัญลักษณ์แทนก็ได้
(๘) รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ให้ระบุการรองรับน้ำหนักบรรทุก สำหรับหน่วยที่ใช้จะใช้ชื่อเต็ม ชื่อย่อ หรือสัญลักษณ์แทนก็ได้
(๙) รายละเอียดของสินค้า อย่างน้อยต้องระบุข้อความดังต่อไปนี้ ยี่ห้อรถ ยี่ห้อเครื่องยนต์ รุ่น
(๑๐) ระบบเกียร์และระบบขับเคลื่อน
(๑๑) ชนิดเชื้อเพลิง ขนาดหรือความจุของเครื่องยนต์
(๑๒) ระยะเวลาและเงื่อนไขการรับประกันสินค้า ส่วนควบ และอุปกรณ์ของสินค้า ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่มีการรับประกันสินค้า ส่วนควบ และอุปกรณ์ ต้องระบุข้อความว่า "ไม่มี"
(๑๓) วิธีใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้อย่างถูกต้อง
(๑๔) ข้อแนะนำในการใช้หรือการดูแลรักษารถยนต์หรือรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้บริโภคใช้สินค้านั้นได้อย่างถูกต้อง เช่น ให้ตรวจสอบอุปกรณ์และศึกษาคู่มือการใช้งาน คู่มือช่วยเหลือฉุกเฉินก่อนการใช้งาน
(๑๕) ข้อควรระวังเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย เช่น ควรขับขี่อย่างมีสติและระมัดระวัง โดยเฉพาะการขับขี่ขึ้นที่ชัน
(๑๖) คำเตือน "อาจถึงตายหรือพิการ หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย" และรวมถึงข้อความอื่นที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
(๑๗) การแสดงข้อความ (๑๕) และ (๑๖) ต้องใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรอื่น และต้องใช้สีตัดกับสีพื้น โดยต้องสามารถเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย
(๑๘) วัน เดือน ปีที่ผลิต เว้นแต่ไม่สามารถระบุวันที่ผลิตที่ชัดเจนได้ ให้ระบุเฉพาะสัปดาห์และปีที่ผลิต หรือเดือนและปีที่ผลิต เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติของสินค้านั้น
(๑๙) ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท และจะระบุหน่วยเป็นเงินสกุลอื่นไว้ด้วยก็ได้
(๒๐) กรณีรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากต้องระบุข้อความตาม (๑) - (๑๙) แล้ว ให้ระบุข้อความเพิ่มเติมอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

(ก) ประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) รถยนต์ไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)
(ข) กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าและกำลังพิกัดที่สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
(ค) ประเภทของแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อนรถ
(ง) เงื่อนไขในการรับประกันแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อนรถ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่มีการรับประกันแบตเตอรี่ ต้องระบุข้อความว่า "ไม่มี"
(จ) ขนาดความจุของแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อนรถ
(ฉ) ระยะทางโดยประมาณที่สามารถขับเคลื่อนได้ต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็มความจุ
(ช) ข้อมูลมาตรฐานความปลอดภัยระบบส่งกำลังด้วยไฟฟ้า เช่น มอก.3026 หรือข้อกำหนดทางเทคนิคยานยนต์ของสหประชาชาติ ข้อกำหนดที่ 100 (UN Regulation No.100) (ถ้ามี)
(ซ) อัตราการใช้ไฟฟ้า

การแสดงข้อความใน (๙) เฉพาะในส่วนของยี่ห้อรถ ยี่ห้อเครื่องยนต์ และรุ่น สามารถใช้ข้อความเป็นภาษาอังกฤษได้

การแสดงข้อความใน (๑๘) ให้แสดงโดยเรียงลำดับวัน เดือน ปี ทั้งนี้ อาจแสดงเดือนเป็นตัวเลขหรือตัวอักษรก็ได้ สำหรับปีให้ระบุเป็น พ.ศ. หรือ ค.ศ. ก็ได้ กรณีการแสดงวัน เดือน ปี ไม่เรียงตามลำดับ ต้องมีข้อความหรือตัวอักษรที่สื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจอย่างชัดเจนถึงวิธีการแสดงข้อความดังกล่าวกำกับไว้ด้วย

การแสดงข้อความในฉลากสินค้าต้องให้เห็นและอ่านได้ชัดเจน ขนาดของตัวอักษรที่ใช้จะต้องสัมพันธ์กับขนาดของพื้นที่ฉลาก และขนาดความสูงของตัวอักษรจะต้องไม่น้อยกว่า ๒ มิลลิเมตร

ข้อ ๕ ในกรณีที่ไม่อาจแสดงฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากอย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓ และข้อ ๔ (๑๒)-(๑๕) รวมไว้ในตำแหน่งเดียวกัน เช่น ไม่อาจแสดงไว้ที่สินค้าได้ทั้งหมด ก็ให้แสดงข้อความ รูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพ อย่างหนึ่งอย่างใด ไว้ในส่วนหนึ่งส่วนใดที่สินค้า หรือสอดแทรกหรือรวมไว้กับสินค้า หรือในเอกสารหรือคู่มือสำหรับใช้ประกอบกับสินค้า หรือป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้านั้น แต่เมื่อรวมการแสดงฉลากไว้ทุกแห่งแล้ว ต้องสามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน

ข้อ ๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
รณรงค์ พูลพิพัฒน์
ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก