แพทย์ชี้ 3 ลักษณะเล็บมือ บ่งบอกภาวะขาดธาตุเหล็ก ที่หลายคนมองข้าม

3 สัญญาณจาก "เล็บมือ" ที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังขาด "ธาตุเหล็ก"

ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ มีบทบาทสำคัญในการสร้างฮีโมโกลบินเพื่อนำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งการขาดธาตุเหล็กจะนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย ตั้งแต่อาการเหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว ไปจนถึงผมร่วงและเล็บเปราะบาง

นพ.จานีน บอร์ริง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักร ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า "เล็บมือ" เป็นจุดที่แสดงอาการของการขาดธาตุเหล็กได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว โดยมี 3 สัญญาณหลักๆ ที่เราสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง

1. เล็บมือซีด หรือมีรอยขีดสีขาวเป็นแนวยาว

ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กทำให้ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบินไม่เพียงพอ การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังส่วนปลายของร่างกายจึงลดลง ทำให้เล็บมีสีซีดและอาจปรากฏรอยขีดสีขาวเป็นเส้นตรงตามยาวของเล็บ นอกจากนี้ ยังอาจสังเกตเห็นว่าผิวหน้า เหงือก ริมฝีปาก หรือเปลือกตาล่างมีสีซีดกว่าปกติด้วย

2. เล็บมือหยาบกร้าน เปราะ และหักง่าย

ธาตุเหล็กมีส่วนช่วยรักษาความแข็งแรงและความเงางามของเล็บ เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็ก การส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ รวมถึงเซลล์เล็บจึงลดลง ทำให้เล็บแห้ง หยาบกร้าน และแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะขาดธาตุเหล็ก
 

3. เล็บมือมีลักษณะเป็นรูปช้อน (Koilonychia)

เป็นสัญญาณที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักในวงการแพทย์ อาการนี้คือการที่เล็บมือมีลักษณะเว้าลึกตรงกลางและขอบเล็บยกขึ้นคล้ายกับรูปช้อน ซึ่ง นพ.บอร์ริง ยืนยันว่าอาการนี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับระดับฮีโมโกลบินที่ต่ำผิดปกติ และจากการศึกษาในวารสารทางการแพทย์ QJM พบว่าอาการนี้สามารถพบได้ในผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กประมาณ 5.4%

วิธีดูแลและป้องกันภาวะขาดธาตุเหล็กที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

นอกเหนือจากอาการที่เล็บมือแล้ว ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กยังแสดงออกผ่านอาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง หายใจลำบาก ผมร่วง และผิวซีด ซึ่ง นพ.บอร์ริง แนะนำว่าการแก้ไขทำได้ไม่ยาก โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรับประทานอาหารให้เหมาะสม

ปรับเปลี่ยนอาหาร: เพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงในมื้ออาหาร เช่น เนื้อแดง ตับ ผักโขม มะเดื่อ และอินทผลัม

รับประทานวิตามินเสริม: หากไม่สามารถรับธาตุเหล็กจากอาหารได้เพียงพอ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับวิตามินเสริมธาตุเหล็กในปริมาณที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริมในปริมาณที่เกินความจำเป็น และควรพักผ่อนให้เพียงพอและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงควบคู่กันไป เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

แหล่งที่มาอ้างอิง

1.บทความจาก นพ.จานีน บอร์ริง, ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากสหราชอาณาจักร

2.วารสารการแพทย์นานาชาติ QJM (International Journal of Medicine)

3.บทความให้ความรู้ด้านสุขภาพจากเว็บไซต์การแพทย์ชั้นนำ