เปิดประวัติ "หมอแอร์" คุณหมอคนสวย คาดไม่ถึงหลังรู้อายุจริง

เธอเคยเป็นดาวเด่นทั้งในวงการตำรวจและจอทีวี “หมอแอร์” เธอจึงเป็นมากกว่าข้าราชการหญิง แต่คือสตรีสาธารณะผู้มีหลากหลายบทบาทในสังคม
เธอมีทั้งความรู้ ความสวย และความกล้า “หมอแอร์” จึงเป็นภาพแทนของผู้หญิงที่ไม่จำกัดตัวเองไว้เพียงกรอบเดียว ไม่ว่าในเครื่องแบบ หรือบนเวทีสื่อ เธอก็เป็นที่จับตาทุกครั้งที่ปรากฏตัว
เปิดประวัติ “หมอแอร์” พ.ต.อ.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล แพทย์หญิงคนดังแห่งวงการตำรวจ
หากเอ่ยถึงชื่อ “หมอแอร์” เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่เปี่ยมด้วยความสามารถ ความสวย และบุคลิกเฉียบคมในทุกบทบาท พ.ต.อ.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล คือหนึ่งในบุคคลที่เป็นที่รู้จักทั้งในแวดวงการแพทย์ ราชการตำรวจ และสื่อสารมวลชน
จุดเริ่มต้นชีวิตและการศึกษา
หมอแอร์ เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2521 (อายุ47ในปีนี้) ที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในครอบครัวเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจค้าขายและปั๊มน้ำมัน เป็นลูกสาวคนที่ 4 ของบ้าน
เธอสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนสิรินธร จ.สุรินทร์ ก่อนจะคว้าปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และศึกษาต่อด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่นที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เส้นทางในเครื่องแบบสีกากี
แม้จบการแพทย์ แต่หมอแอร์เลือกเข้าสู่เส้นทางราชการตำรวจ โดยรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โฆษกศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นแพทย์ประจำกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ
บทบาทในวงการสื่อและบันเทิง
นอกเหนือจากบทบาทราชการ หมอแอร์ยังเป็นที่รู้จักในวงการโทรทัศน์ ด้วยการเป็นพิธีกรในหลายรายการ อาทิ Love Life Idol, Club X, สบาย@Night, อมยิ้ม และ คนละดาวเดียวกัน รวมถึงเคยแสดงละครเทิดพระเกียรติเรื่อง “แผ่นดินทอง” ซึ่งตอกย้ำความสามารถรอบด้านของเธอ
ดีกรีดราม่าที่เคยเป็นข่าว
ด้วยสถานะคนสาธารณะ หมอแอร์เคยตกเป็นที่จับตามองจากสังคมในหลายประเด็น หนึ่งในกรณีที่เคยเป็นกระแส คือการคลอดบุตรในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้บุตรได้สัญชาติอเมริกัน ซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ รวมถึงประเด็นส่วนตัวอื่น ๆ ที่เคยเป็นข่าว
ผู้หญิงเก่งหลากบทบาทของสังคมไทย
หมอแอร์คือตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่มีบทบาทหลากหลายในสังคม ทั้งในฐานะแพทย์ นักสื่อสาร ข้าราชการตำรวจ และบุคคลสาธารณะ เธอไม่เพียงแต่รักษาผู้ป่วยด้วยความรู้ด้านจิตเวช แต่ยังใช้เสียงและมุมมองของตนเพื่อขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมอย่างต่อเนื่อง