พิษคางคก อันตรายถึงชีวิต รู้ทันพิษคางคก อาการ และวิธีรับมือ

คางคก (Toad) เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน แม้จะดูไม่เป็นอันตราย แต่ พิษคางคก ถือเป็นสารพิษร้ายแรงที่หากสัมผัสหรือรับประทานเข้าไป อาจทำให้เกิดอาการพิษคางคกรุนแรง และอันตรายถึงชีวิตได้

 

พิษคางคกมีส่วนไหนบ้าง?

พิษคางคกพบได้ในหลายส่วนของร่างกาย ได้แก่

- ต่อมน้ำลายใต้หู (ต่อมพาโรติด)

- ผิวหนัง

- เลือด

- ไข่คางคก

สารพิษนี้ทนความร้อนได้ดี แม้จะปรุงสุกก็ไม่สามารถทำลายพิษได้ หากได้รับพิษเข้าสู่ร่างกาย อาการพิษคางคกจะรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้

 

อันตรายจากพิษคางคก

ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับปริมาณพิษและช่องทางที่ได้รับ หากรับพิษทางปาก อาการพิษจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยเฉพาะการรับประทานไข่หรือเครื่องในคางคก อาจส่งผลต่อหัวใจอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อาการพิษคางคกที่ควรรู้

เมื่อได้รับ พิษคางคก ไม่ว่าจะจากการสัมผัส หรือการรับประทานเข้าไป อาจเกิดอาการดังนี้

ระบบทางเดินอาหาร

- คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง

- ปวดท้อง ท้องเสีย

- น้ำลายไหลมากผิดปกติ

ระบบหัวใจและหลอดเลือด

- หัวใจเต้นช้าหรือผิดจังหวะ

- ความดันโลหิตต่ำ

- เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน

ระบบประสาท

- อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ

- สับสน เพ้อ ชัก หมดสติ

- ประสาทหลอน มือเท้าเกร็ง

ระบบทางเดินหายใจ

- หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหยุดหายใจ

ผิวหนังและดวงตา

- ระคายเคือง บวมแดง เมื่อสัมผัสพิษโดยตรง

วิธีปฐมพยาบาลพิษคางคกที่ถูกต้อง

- รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

- หลีกเลี่ยงการล้วงคอให้อาเจียน เพราะอาจทำให้สำลัก

- ห้ามใช้ไข่ขาวหรือวิธีปฐมพยาบาลผิดๆ ตามความเชื่อ

 

แนวทางการรักษา

แพทย์จะตรวจระดับเกลือแร่ในเลือด โดยเฉพาะโพแทสเซียม ควบคุมอาการหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต อาจใช้ยาและเครื่องช่วยเต้นหัวใจตามความจำเป็น

คางคก แม้จะเป็นสัตว์ที่พบได้ทั่วไป แต่ซ่อน พิษคางคกอันตราย ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสและห้ามนำมาประกอบอาหารเด็ดขาด หากเผลอได้รับพิษ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการพิษคางคกอาจอันตรายถึงชีวิต