ผศ.ดร.ธรณ์ ห่วง “ปะการังสีน้ำเงิน” เสียหายหนัก หลังเรือต่างชาติเกยตื้นที่เกาะสุรินทร์

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความกังวลกรณีเรือต่างชาติเข้าเกยตื้นบริเวณแนวปะการังของ เกาะสุรินทร์
ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
ในกรณีของเรือต่างชาติเกิดปัญหา วิ่งเข้าเกยตื้นที่แนวปะการังเกาะสุรินทร์ ทำให้ปะการังเสียหายยาว 75 เมตร ที่น่าห่วงคือปะการังสีน้ำเงินครับ
ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) ด้านนอกดูเหมือนปะการังปรกติ แต่โครงสร้างหินปูนข้างในเป็นสีฟ้า/น้ำเงิน ดูจากภาพจะเห็นชัดเจน
ปะการังชนิดนี้ไม่ใช่ปะการังปรกติ เพราะเป็นญาติกับปะการังอ่อนและกัลปังหา (octocaral) มากกว่าปะการัง (hexacoral) จะเรียกว่าเป็นปะการังอ่อนกลุ่มเดียวที่สร้างโครงสร่างแข็งเป็นหินปูนก็ว่าได้
ปะการังชนิดนี้ไม่ใช่ปะการังปรกติ เพราะเป็นญาติกับปะการังอ่อนและกัลปังหา (octocaral) มากกว่าปะการัง (hexacoral) จะเรียกว่าเป็นปะการังอ่อนกลุ่มเดียวที่สร้างโครงสร่างแข็งเป็นหินปูนก็ว่าได้
ปะการังสีน้ำเงินเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ยังคงมีชีวิต ลักษณะคล้ายเดิมตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ (70-60 ล้านปีก่อน) แทบไม่เปลี่ยนไปเลย ปะการังชนิดนี้พบเฉพาะเขตอินโดแปซิฟิก และพบบางที่เท่านั้น ในเมืองไทยที่พอมีเป็นดงคือเกาะสิมิลัน เกาะตาชัย และเกาะสุรินทร์ แถมยังไม่ได้มีเยอะทุกอ่าว ที่เกาะสุรินทร์เจอกันจริงจังคืออ่าวจากและเกาะสต็อร์ค หากจะบอกว่าในทะเลไทยยุคนี้ มี “ดงปะการังสีน้ำเงิน” เหลืออยู่ไม่เกิน 10 แห่ง พูดได้เต็มปากครับ
แม้ในระดับโลก ปะการังสีน้ำเงินก็หายาก ถึงขั้นที่ IUCN ตั้งสถานภาพให้ว่าถูกคุกคาม (ปะการังทั่วไปไม่มีสถานภาพ) ยังอยู่ใน CITES Appendix สำหรับเมืองไทย เหตุการณ์ที่ปะการังสีน้ำเงินเสียหายรุนแรงคือกรณีการท่องเที่ยวเกาะตาชัย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่กรรมการที่ปรึกษาอุทยานตัดสินใจเสนอปิดเกาะเมื่อ 9 ปีก่อน
ทราบดีว่าเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่อยากเน้นย้ำเรื่องนี้สักนิดว่าที่เสียหายคือปะการังสีน้ำเงิน สุดยอดปะการังหายาก/ปะการังโบราณ/ขึ้นบัญชีระดับโลก/แทบหาไม่ได้ในไทย
ดีใจที่ท่านรมต./กรมอุทยานให้ความสำคัญและรีบประเมินความเสียหาย แต่อยากให้ข้อมูลเพิ่มในส่วนนี้เพื่อการประเมินมูลค่าและการฟื้นฟูจะได้วางแผนให้รอบคอบ
เห็นภาพแล้วปวดใจ การฟื้นฟูเป็นเรื่องใหญ่มากครับ
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้รายงาน เบื้องต้นจากการประเมินพื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายคิดเป็นพื้นที่ ประมาณ 150 ตารางเมตร หลังจากมีการจำแนกพบว่ามี
- กลุ่มปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เป็นชนิดปะการังที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดประมาณ 80% ของปะการังทั้งหมดที่ถูกเรือชน
- กลุ่มปะการังเขากวาง (Acropora sp.) ได้รับความเสียหาย ประมาณ 15 % ของปะการังทั้งหมดที่ถูกเรือชน
- ปะการังโขด (Porites lutea) ได้รับความเสียหาย ประมาณ 5 % ของปะการังทั้งหมดที่ถูกเรือชน
- ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea) ได้รับความเสียหายค่อนข้างน้อย เกิดการแตกหักไป 4 โคโลนี -ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) ได้รับความเสียหายค่อนข้างน้อย เกิดการแตกหักไป 3 โคโลนี
- ปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea) ได้รับความเสียหายน้อยมาก เกิดการแตกหักไป 1 โคโลนี
และนอกจากแนวปะการังที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์เรือขนส่งสินค้าสัญชาติพม่า ชื่อเรือ “MV.AYAR LINN” ชนแนวปะการังจนเกยตื้น มีข้อกังวลเรื่องขยะทะเล เนื่องจากเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า จึงมีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่บนแนวปะการัง
ที่มา @Thon Thamrongnawasawat

รวบแอดมินเพจปลอม หลอกขายที่พักสวนผึ้ง พบผู้เสียหายจำนวนมาก

เจ้าของเงิน 12 ล้าน ทิ้งข้างกองขยะคอนโด เข้าพบตำรวจแล้ว

เปิดภาพถ่ายไทยในอดีต ปราสาทตาเมือนธม ในปี 2523 หลักฐานสำคัญ

บทสรุปนัด 3 ไทย พบ ตุรกี "โค้ชอ๊อต" พูดตรงๆ หลังไทยตบตุรกีไม่ได้แต้ม
