ระวังโรคไข้ดินระบาดช่วงหน้าฝน เดินเท้าเปล่าก็เสี่ยงติดเชื้อ!

โรคไข้ดินระบาดช่วงหน้าฝน เชื้ออยู่ในดินและน้ำ สัมผัสง่ายผ่านแผลหรือเดินเท้าเปล่า อาการไข้สูง เสี่ยงรุนแรงถึงตาย รีบระวังและพบแพทย์ถ้าไม่สบาย!
กระทรวงสาธารณสุขเตือนประชาชน ระวัง โรคไข้ดิน หรือ โรคเมลิออยด์ (Melioidosis)
ซึ่งเริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงฤดูฝนที่ดินและน้ำมีความชื้นสูง เอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค
โรคไข้ดินคืออะไร?
โรคไข้ดิน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ เบอร์โคลเดอเรีย ซูโดมัลลิไอ ซึ่งอาศัยอยู่ตามดิน น้ำ และโคลนในเขตร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตร เช่น นา สวน และไร่
เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง
ผ่านแผลหรือรอยถลอกบนผิวหนัง
การสูดดมฝุ่นดินหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
การกลืนน้ำที่มีเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ใครคือกลุ่มเสี่ยง?
เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน และผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง
ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไต หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้ที่เดินเท้าเปล่าในที่เปียกชื้นหรือดินโคลน เป็นประจำ
อาการของโรคไข้ดิน มีความหลากหลาย ตั้งแต่แบบไม่รุนแรง ไปจนถึงอาการรุนแรงถึงชีวิต
ไข้สูง หนาวสั่น
อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ไอ หายใจลำบาก (กรณีติดเชื้อที่ปอด)
มีฝีในตับ ม้าม ปอด หรือสมอง
ติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างเฉียบพลัน อาจเสียชีวิตภายใน 24–48 ชั่วโมง
แนวทางป้องกัน
สำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง ควรปฏิบัติดังนี้:
หลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำโดยตรง
สวมรองเท้าบูท ถุงมือ และเสื้อผ้าป้องกันขณะทำงานเกษตร
ดูแลแผลให้สะอาดและปิดให้มิดชิด
ห้ามเดินเท้าเปล่าบนดินที่เปียกชื้นหรือแช่น้ำโคลน
ล้างมือและอาบน้ำทันทีหลังจากทำงานหรือสัมผัสดินน้ำ
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ไม่สะอาด
ควรใช้น้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาดเท่านั้น
ผู้มีโรคเรื้อรัง ควรระวังเป็นพิเศษ
หมั่นตรวจสุขภาพ หากมีไข้หรืออาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที
หากสงสัยว่าติดเชื้อ ควรทำอย่างไร?
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการคล้ายโรคไข้ดิน โดยเฉพาะหลังทำงานในที่ชื้นหรือดินโคลน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการสัมผัสดินหรือทำงานเกษตรให้แพทย์ทราบ