ข่าว

heading-ข่าว

สรุปม้วนเดียว คู่รัก LGBT ลงทุนทำคาเฟ่ 30 ล้าน สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตา

06 พ.ค. 2568 | 09:56 น.
สรุปม้วนเดียว คู่รัก LGBT ลงทุนทำคาเฟ่ 30 ล้าน สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตา

สรุปม้วนเดียวจบ คู่รัก LGBT ลงทุนทำคาเฟ่ 30 ล้าน สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตาหน้าไร่ในฝัน ที่สร้างกันมาแต่กาลเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน

เรียกว่าเป็นเรื่องราวความรักที่จบลงด้วยชีวิต ใครหลายคนอ่านแล้วก็เศร้าตาม เมื่อเพจ อรรถรส ได้ออกมาสรุปเรื่องราวความรักของคู่ Lgbtq คู่หนึ่งเอาไว้ว่า ...ไปอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกเศร้า "รักพังเพราะหมดตัว สุดท้ายจบชีวิตหน้าไร่ที่เคยสร้างฝันร่วมกัน"

 

 

สรุปม้วนเดียว คู่รัก LGBT ลงทุนทำคาเฟ่ 30 ล้าน สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตา


คู่รัก Lgbtq ร่วมลงทุนเปิดคาเฟ่ "ไร่ทรัพย์ประยูร" จ.ลพบุรี ลงทุนด้วยกันกว่า 30 ล้านบาท ใช้ชีวิตในฐานะคนรักและหุ้นส่วน เมื่อฝ่ายรุกเริ่มไม่มีเงิน ความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนฝ่ายรับที่เคยดูแล กลับไล่ออกจากบ้าน พร้อมจะให้แฟนใหม่เข้ามาอยู่แทน ฝ่ายรุกรับไม่ได้ที่สูญเสียทั้งเงิน 22 ล้านและความรัก สุดท้ายตัดสินใจรมควันเสียชีวิตหน้าคาเฟ่ เพื่อให้เป็น 
"ภาพจำสุดท้าย" แด่คนรักและญาติที่มีส่วนผลักไส

นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปอ่านสิ่งที่ผู้เสียชีวิตโพสต์เอาไว้  (เนื้อหาต่อจากนี้ค่อนข้างยาว เพราะผู้โพสต์ โพสค์ไว้ถึง 11 Ep ก่อนจะจบชีวิตลง)
 

สรุปม้วนเดียว คู่รัก LGBT ลงทุนทำคาเฟ่ 30 ล้าน สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตา

โพสต์ที่ 1 :
ผู้เสียชีวิตชื่อ "พงศธร" เริ่มต้นเล่าว่าไม่ได้เรียบเรียงเก่ง แต่อยากถ่ายทอดเรื่องราวจากใจ เขาเริ่มคบกับเจ้าของไร่ตั้งแต่ 14 มีนาคม 2561 โดยรู้จักกันในช่วงชีวิตที่กำลังย่ำแย่สาเหตุที่เปลี่ยนชีวิตคือติดพนันบาคาร่า เสียเงินไปกว่า 2.3 ล้านบาทในเวลาอันสั้น ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตในกรุงเทพต่อได้ เขาเคยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รายได้สูงถึงเดือนละ 300,000 บาทแต่สุดท้ายบริหารชีวิตล้มเหลว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โพสต์ที่ 2 : 
ผู้เสียชีวิตเล่าว่ารู้จักเจ้าของสวนจากการไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กันแบบ FWB และเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของสวนด้วย วันแรกที่พบเจ้าของสวนชงกาแฟให้ด้วยความตั้งใจ และแม้จะไม่ได้ขอเบอร์ แต่ก็หยิบนามบัตรกลับมา ก่อนจะเริ่มติดต่อกัน ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งคู่ได้นัดไปเที่ยวเกาะล้านด้วยกัน และไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในทริปนั้นก่อนกลับจากทริป เจ้าของสวนมานอนบ้านของผู้เสียชีวิต และในคืนนั้นทั้งสองมีความสัมพันธ์กันครั้งแรก

โพสต์ที่ 3 :
ผู้เสียชีวิตเล่าว่าความสัมพันธ์ค่อย ๆ พัฒนา และเริ่มพิสูจน์ความรักผ่านการที่อีกฝ่ายให้รหัสโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างมาก ภายหลังไม่นาน เขาฝันถึง "พ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา" มอบลูกแก้วให้ พร้อมคำว่า "เราคืนให้เจ้า" ก่อนจะได้รับข่าวดีเรื่องงานใหญ่ด้านกฎหมาย-บัญชี

 

งานที่ปรึกษางานครั้งนั้นมีมูลค่า 4 ล้านบาท ใช้เวลาทำเพียง 3 เดือน และต่อมาเขาได้รับงานต่อเนื่องจากลูกค้ารายนี้ รวมรายได้กว่า 15 ล้านบาทภายใน 3 ปีด้วยรายได้เหล่านั้น เขาจึงเริ่มลงทุนสร้าง "บ้านขาว" กลางสวนของแฟน ซึ่งตั้งอยู่ริมลำธาร และต่อมายกให้พ่อแม่ฝ่ายแฟนเป็นผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ เขาเคยยืมแม่แฟน 800,000 บาทมาสร้างบ้านและแม้จะคืนไปเพียง 60,000 บาท แต่แม่แฟนยินยอมให้แลกบ้านหลังนี้แทนหนี้

 

 

โพสต์ที่ 4 : 
ผู้เสียชีวิตเล่าว่าก่อนที่จะได้งานใหญ่ เขาเห็นศักยภาพของสวนเฟิร์น จึงเสนอแผนธุรกิจให้แฟนพัฒนาเป็นสวนเฟิร์นขนาดใหญ่ เขาเป็นผู้จัดทำ Feasibility Study และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดจนแฟนยอมกู้เงินจาก ธกส. ประมาณ 3.5 ล้านบาท ขยายสวนจาก 4 ไร่ เป็น 16 ไร่ ธุรกิจสวนเฟิร์นนี้เป็นแห่งแรกในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจาก ธกส. แม้รายได้จะมากกว่ารายจ่ายเล็กน้อยแต่หากรวมดอกเบี้ยที่แฟนต้องจ่าย จะถือว่ายังขาดทุนอยู่ เพื่อหารายได้เพิ่ม ทั้งสองตัดสินใจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือในสวน หลังจากไปเรียนสูตรที่มีค่าใช้จ่ายราว 40,000 บาท โดยผู้เสียชีวิตเป็นคนเตรียมเงินสนับสนุนให้ทั้งหมด

โพสต์ที่ 5 : 
ผู้เสียชีวิตเริ่มลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการสร้าง "บ้านขาว" งบเดิม 6-7 แสน แต่สุดท้ายบานปลายเกิน 1 ล้านบาท เขาภูมิใจในบ้านขาว เพราะสร้างให้แฟนได้พักผ่อนสบายแม้ยามเขาต้องไปทำงาน ตจว. ถึงขั้นลงทุนซื้อที่นอนราคากว่า 200,000 บาท ต่อมามีการขยายสวน ปรับปรุงร้านกาแฟ รื้อบ้านพี่สาวของแฟน และปลูกบ้านใหม่ให้ รวมทั้งสร้างบ้านให้พนักงาน โดยใช้งบร่วมหลายล้านบาทรายจ่ายสะสมครอบคลุมหลายด้าน เช่น ค่าขยายโรงเรือนเฟิร์น (3.5 ล้าน), ร้านกาแฟ (4-5 ล้าน), บ้านขาว (1.2 ล้าน), ร้านก๋วยเตี๋ยว (3 ล้าน), น้ำตก-สวน-สะพาน (รวมกว่า 2.5 ล้าน), บ้านฟาร์มนก (1.2 ล้าน) และค่าต้นไม้ด่างอีกเกือบ 2 ล้าน รวมต้นทุนทั้งหมดประมาณ 27.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ของแฟน 7.5 ล้าน (หนี้เดิม 3 ล้านจากรุ่นพ่อแม่) และส่วนที่เหลือจากเงินของผู้เสียชีวิต ทั้งจากรายได้ตนเองและการหยิบยืมคนรอบข้าง รวมกว่า 20 ล้าน

โพสต์ที่ 6 : 
 ผู้เสียชีวิตสรุปยอดเงินลงทุนรวม 27 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินกู้จากฝั่งแฟน 7.5 ล้านบาท และจากฝั่งตนเอง 19.5 ล้านบาท ย้ำว่าไม่เคยกล่าวว่า "ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของตัวเองฝ่ายเดียว" และขอให้ฟังข้อเท็จจริงจากเจ้าตัว ไม่ใช่จากคำพูดบิดเบือน เงินที่ลงไปนั้นเฉพาะในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ และสวนเฟิร์นเท่านั้น ส่วนธุรกิจที่มีกำไรแต่ใช้แรงมากกว่าทุน เช่น ร้านขายอาหารสัตว์ เป็นธุรกิจของแม่แฟน ไม่ได้นำมารวมในยอด

โพสต์ที่ 7 : 
ผู้เสียชีวิตตอบโต้กรณีที่อีกฝ่ายใช้เอกสารการกู้เงินมายืนยันความเป็นเจ้าของอาคารบางส่วนในไร่ โดยระบุว่า แม้จะมีเงินกู้ 7.5 ล้านบาทเข้าบัญชีเขาจริง แต่ตลอด 7 ปี เงินลงทุนรวม (CAPEX + EXPENSE) ของไร่สูงถึง 27 ล้านบาท ย้ำว่าเงินกู้ 9 ล้านบาทนั้น ต้องหักหนี้เก่าออกไปก่อน และเงินฝั่งเขาที่ลงไปตลอดหลายปีควรถูกพูดถึงบ้าง ไม่ใช่สื่อสารเพียงฝั่งเดียว เขาระบุว่าอีกฝ่ายเป็นผู้สั่ง ส่วนตัวเองเป็นผู้จ่ายแทบทุกอย่าง ตั้งแต่บ้านของพี่สาวอีกฝ่าย บ้านฟาร์มนก-ฟาร์มเห็ด รั้วบ้าน น้ำตก ต้นไม้ และม้าประดับบารมีทั้ง 9 ตัว

 


โพสต์ที่ 8 : 
ผู้เสียชีวิตแจ้งว่าได้ขนย้ายของใช้และอุปกรณ์ฟาร์มเห็ดออกจากไร่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 22 เม.ย. โดยบางส่วนเช่นโครงเหล็ก ก้อนเห็ด หรือบ่อน้ำ ได้ตกลงให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินเตานึ่งเห็ดมูลค่า 30,000 บาท ขายออกไปในราคา 23,000 บาท ส่วนเตาเหล็กอีกชุด ขายเป็นเศษเหล็กเพียง 4,000 บาท เพราะไม่มีที่เก็บ สรุปการลงทุนในฟาร์มเห็ด ผู้เสียชีวิตลงทุน 2.7 ล้านบาทฝ่ายแฟนเก่าร่วมลงทุนอีกประมาณ 200,000 บาท รวมเป็น 2.9 ล้านบาท หลังหักค่าแรง ผู้เสียชีวิตเหลือเพียงเศษเหล็กมูลค่าประมาณ 50,000 บาท ส่วนอีกฝ่ายไม่แสดงเจตจำนงในการขอรับส่วนแบ่ง

โพสต์ที่ 9 : 
ช่วงครึ่งหลังปี 2567 ผู้เสียชีวิตวิเคราะห์ว่าไร่ฯ ขาดทุนเฉลี่ยเดือนละ 110,000 บาท (ขาดทุนจากร้าน 40K + ดอกเบี้ยหนี้ 70K) ตนต้องช่วยเหลือไปแล้วกว่า 4.5 ล้านบาทในช่วง 3 ปี งานที่ปรึกษาธุรกิจเริ่มเล็กลง เพราะทุ่มเวลาให้ไร่มากเกินไป ลูกค้าเก่าที่เคยจ้างหลักล้าน เหลือเพียงแสนต้น ๆ ทำให้รายได้ส่วนตัวลดลง จึงร่วมวางแผนกับคุณนราพลเปิด "โครงการเพาะเห็ดขนาดใหญ่" เพื่อหวังกำไรเดือนละ 200K รองรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขาที่อยู่ที่ราว 4-5 หมื่นบาทต่อเดือน ประมาณการแล้วต้องใช้เงินลงทุน 3 ล้านบาท แต่ผู้เสียชีวิตไม่มีเงินสดสำรอง ต้องใช้ชื่อพี่ชายหรือบริษัทครอบครัวกู้เงิน จึงเสนอให้ทำ "สัญญาผูกพัน 10 ปี" เพื่อไม่ให้ถูกไล่ออกจากไร่ สาระของสัญญา: ยินดีลงทุนและยกทรัพย์สินทั้งหมดให้คุณนราพล หากไม่ถูกขับไล่จากที่ดินภายใน 10 ปี จากนั้นจะจากไปโดยไม่ขออะไร แต่คุณนราพลไม่ยอมอ่านแม้แต่ตัวอักษรเดียว และโกรธอย่างรุนแรง มองว่าผู้เสียชีวิตไม่เชื่อมั่นในคำพูดของตน → กลายเป็น "ปมสะสม" ตั้งแต่ ก.ย. ถึง ธ.ค. 2567

โพสต์ที่ 10 :
 วันที่ 29 ธ.ค. 2567 ทั้งสองฝ่ายตกลง "แยกบ้าน" แต่ยังคงทำธุรกิจร่วมกันต่อ โดยมีข้อตกลงจะอยู่แบบ "เดินคู่ขนาน" กันไปอีกจนกว่าจะครบ 10 ปี คุณนราพลย้ำว่า "เราไม่ได้รักกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้เกลียดกัน"ส่วนผู้เสียชีวิตตอบกลับว่า หากใครล้มลง อีกคนจะคอยดึงขึ้นมาร่วมเดินไปด้วยกัน หลังจากนั้น คุณนราพลย้ายไปอยู่ "บ้านขาว" ในสวน ขณะที่ผู้เสียชีวิตย้ายขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ของร้านกาแฟ ช่วงปลายปีถึงต้น มี.ค. 2568 คุณนราพลเริ่มคบหากับคนรักใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวพรรณ ตามข้อมูลใน TikTok ของอีกฝ่าย กลางเดือน มี.ค. พี่สาวคนที่สองของคุณนราพลพูดลอย ๆ ด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่น "จะทำให้ออกไปจากไร่แบบมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตดี?" วันที่ 22 มี.ค. เกิดการทะเลาะกันอีกครั้งเกี่ยวกับแม่บ้าน นำไปสู่การลงบันทึกประจำวันในวันที่ 23 มี.ค. และมีคำท้าทายจากคุณนราพลให้ไปฟ้องร้องหากต้องการเอาทรัพย์คืน ผู้เสียชีวิตทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ทั้งหมดได้ดำเนินมาถึงจุดที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน พร้อมบอกให้ติดตามตอนสุดท้ายใน EP.11


 โพสต์ที่ 11 : 
ผู้เสียชีวิตตั้งใจให้เรื่องราวทั้งหมดจบภายใน 3 ตอน แต่เมื่อได้เขียน กลับบรรยายจนถึง EP.11 เพราะมีเรื่องราวที่ยังค้างคาและอยากถ่ายทอดให้ครบถ้วน เขาย้ำว่าเนื้อหาทั้งหมดเป็น "ข้อเท็จจริง" โดยเฉพาะใน EP01-EP06 ที่เขียนจากความรู้สึกเจ็บปวด โกรธ และผิดหวัง ที่คนรักกันสามารถทอดทิ้งกันได้ขนาดนั้น แม้จะเคยตั้งใจอยู่กับทรัพย์สินที่สร้างร่วมกันจนวันตาย แต่กลับถูก "เขี่ยออก" เหลือเพียงตัวเปล่าและหนี้ 10 ล้านบาท ทำให้รู้สึกหมดศรัทธาในความรักและศักดิ์ศรี EP07-EP10 ความโกรธเริ่มลดลง แม้ยังมีความขมขื่นแทรกอยู่บ้าง แต่ใน EP11 เขายืนยันว่า "ไฟแห่งความโกรธดับลงแล้ว" พร้อมให้อภัยและอโหสิกรรมให้ทุกคน เขาทิ้งข้อความถึงครอบครัว เพื่อนสนิท และคนที่เขารักทุกคน พร้อมมอบรหัสผ่าน ข้อมูลบริษัท และขอให้ดูแลกันต่อแทนเขา ยอมรับว่า "ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะไปต่อ" และเมื่อเห็นเลข 11 ซึ่งในความเชื่อจีนหมายถึง "โลงศพ" ก็รู้สึกว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เรื่องราวทั้งหมดต้องจบลงตรงนี้

ปิดท้ายด้วยความรัก ความขอบคุณ และคำขออโหสิกรรมต่อทุกชีวิตที่เกี่ยวข้อง พร้อมบอกให้ทุกคน "อย่าเสียใจ" เพราะสุดท้าย ทุกคนก็ต้องกลับไปสู่ที่เดิมจบบริบูรณ์ใน EP.11 ขอให้ดวงวิญญาณของเขาได้ไปสู่ภพภูมิที่สงบสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ ความเหนื่อยล้า และความผิดหวังทั้งปวง

 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

หนีไม่รอด 2 มือปืนรัวยิงซอยนวลจันทร์ 22 จนมุม หลังเตรียมหนีลงใต้

หนีไม่รอด 2 มือปืนรัวยิงซอยนวลจันทร์ 22 จนมุม หลังเตรียมหนีลงใต้

เปิดเงินส่วนแบ่งที่ พ่อ "น้องแพน" ผู้ป่วยมะเร็งปาก ได้รับ

เปิดเงินส่วนแบ่งที่ พ่อ "น้องแพน" ผู้ป่วยมะเร็งปาก ได้รับ

กรมอุตุฯ เตือน 43 จ. ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กรมอุตุฯ เตือน 43 จ. ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

โหรดังเตือน 1 ลัคนา ดวงชะตาสะเทือนหนัก ราหูค้นทรัพย์ ดวงแตก

โหรดังเตือน 1 ลัคนา ดวงชะตาสะเทือนหนัก ราหูค้นทรัพย์ ดวงแตก

ตัวตนชายวัย 42 คลั่ง ถืออาวุธ เหนี่ยวไกสู้ตำรวจจนบาดเจ็บ

ตัวตนชายวัย 42 คลั่ง ถืออาวุธ เหนี่ยวไกสู้ตำรวจจนบาดเจ็บ