เปิดวิธีแก้ "กลิ่นแก่" 5ข้อ หมอเจดยืนยัน มันมีอยู่จริง

"กลิ่นแก่" มีจริง หมอเจด เผยสาเหตุและวิธีแก้ไข กลิ่นเฉพาะตัวที่มากับอายุเกิดจากกระบวนการย่อยสลายไขมันใต้ผิวหนัง พร้อมแนะวิธีลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วยอาหารเสริมและการดูแลสุขภาพ
ใครเสี่ยง "กลิ่นแก่" บ้าง? ไม่ใช่แค่อายุ 40+ เท่านั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัว การขาดวิตามิน หรือทานยาบางชนิดก็อาจมีกลิ่นนี้ได้ รู้ก่อน ป้องกันได้ก่อน โดยล่าสุดนั้น นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เผยข้อมูลด้านสุขภาพ เตือนระบุว่า
"กลิ่นแก่" พูดเบาๆก็เจ็บ แก้ยังไงมาดู !
1.อยากจะบอกว่ามันมีกลิ่นนี้จริงๆนะทุกคน ซึ่งหลายหลายคนก็บอกว่ามักจะเจอในคนที่สูงอายุ คราวนี้แบบเนี่ยถ้าลองนั่งดมตัวเองหรือคนข้างข้างดู
จะเป็นกลิ่นลักษณะคล้ายคล้ายๆกับเวลาเราไปดมพวกโลหะ หรือบางคนก็บอกว่าเหมือนพวกแว็กซ์ (wax) กลิ่นคาว คือกลิ่นมันเอกลักษณ์บอกไม่ถูก
สาเหตุที่เป็นก็เป็นเพราะว่า พอเราอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยเรื่อยแล้ว ต่อมไขมันกับต่อมเหงื่อเนี่ยมันจะทำงานกันได้ไม่เหมือนเดิม แล้วก็จะมีเอนไซม์อยู่ตัวนึงที่เป็นเอนไซม์คอยย่อยไขมันไขมันที่ชื่อว่า Lipidperoxidase ทำให้เกิดการย่อยสลายของไขมันและมีกลิ่นออกมา
2. คราวนี้นอกจากคนที่อายุมากกว่า 40 ปี ก็จะมีคนกลุ่มนี้นะครับที่เป็นโรคประจำตัวแล้วก็ทานยาบางอย่างที่อาจจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่ามีกลิ่นแก่ได้
1. ผู้ที่มีความผิดปกติของการเกิดออกซิเดชันของกรดไขมัน (FAODs)
2. บุคคลที่มีภาวะขาดวิตามินบี 12 หรือบี 2 (ไรโบฟลาวิน)
3. ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น ไตรเมทิลอะนูเรีย (TMAU)
4. ผู้ที่เป็นโรคตับหรือไต
5. ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ซึมเศร้า
3. เพื่อลดความเสี่ยงของกลิ่นไม่พึงประสงค์ ผมแนะนําให้ทําตามนี้ครับ โดยขอเน้นกลุ่มอาหารเสริมดังนี้
- ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง Antioxidant เช่น เบอร์รี่ ผักใบเขียว และผักและผลไม้อื่นๆ เพื่อต้านอนุมูลอิสระ
- อย่าขาดโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัท ไว้ในอาหารของคุณเพื่อช่วยการเผาผลาญกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
- การเสริมวิตามินบี 12 บี 2 และโปรไบโอติคเนื่องจากการขาดวิตามินบี 12 และบี 2 อาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันเปอร์ออกไซด์ได้ และอย่าลืมโปรไบโอติคด้วยนะครับเพื่อการเผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ
4. คราวนี้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การใช้น้ำหอมหรือการเลือกโรลออนให้เหมาะกับตัวเอง ไม่ควรฉีดไปตรงบริเวณที่เราอยากจะเน้นนะครับ
- ฉีดหลังอาบน้ำเสร็จทันที
- เช็ดตัวให้แห้งก่อนนะครับแล้วทาโลชั่นที่ไม่มีกลิ่นจะช่วยให้ติดทนนานมากขึ้น
- บางคนอยากให้หัวตัวเองก็หอมฉีดลงบนหวีก็ได้นะครับ
- วิธีการฉีดให้ห่างจากตัวเองสักประมาณ 30 เซนติเมตรครับ
- แนะนำให้เน้นตรงจุดที่เป็นข้อพับนะครับ เช่นข้อมือข้อศอกครับ จะช่วยให้ติดทนนานทั้งวันครับ
- ใครที่ไม่มั่นใจก็พกอันเล็กๆไว้ติดตัวเผื่อฉีดระหว่างวันได้ครับ
5. กลิ่นแก่กับเรื่องของเหงื่อออกที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าเป็นคนละเรื่องกันนะครับวันหลังจะเขียนเพิ่มเติมนะครับเรื่องของเหงื่อออกเยอะที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า เพราะหลายหลายคนเป็นโรคนี้ครับและอาจจะไม่รู้วิธีการแก้ไข แต่ก่อนจากไปใครอ่านถึงบรรทัดนี้แนะนำน้ำหอมหน่อยนะครับ

สีเสื้อมงคล 8 พฤษภาคม 2568 วันพฤหัสบดี ใส่เสื้อสีอะไรดีที่สุด

ราคาน้ำมันขยับ ราชกิจจาฯ ประกาศขึ้นภาษีเบนซิน-ดีเซล มีผลวันนี้

กรมอุตุฯ ฉ.1 พายุฤดูร้อนลูกใหม่ ช่วง 9 - 12 พ.ค. ระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง

รวม 7 ผลไม้สุดเฮลธ์ ของดี ไม่ต้องปอกก็อร่อยได้สารอาหารครบ
