"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่

20 มกราคม 2565

ติดโควิด-19 รักษาตัวที่บ้าน Home Isolation สามารถเบิกค่าอาหารได้วันละ 400 บาท สปสช.เเจงเเนวทางต้องทำอย่างไรบ้าง เช็คได้ที่นี่

 จากกรณีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.แจงแนวทางเบิกค่าอาหาร Home Isolation ติดโควิดรักษาตัวที่บ้าน เบิกค่าอาหารได้วันละ 400 บาท พร้อมการจัดส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าระบบการรักษาที่บ้าน Home Isolation โดยมี พญ.กฤติยา ศรีประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สายงานบริหารกองทุน สปสช. และ นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ร่วมพูดคุย

"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่

  พญ.กฤติยา ศรีประเสริฐ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ยุคนี้ เข้าสู่ยุคของสายพันธุ์โอมิครอนซึ่งส่วนมากผู้ติดเชื้อ 90-95% ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย โดยทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศนโยบายรักษาที่บ้าน (Home Isolation หรือ HI) และการรักษาในระบบชุมชน (Community Isolation หรือ CI) เป็นทางเลือกแรก ขณะที่ สปสช.เป็นกองทุนสำหรับจ่ายค่ารักษา รวมถึงค่าอาหารด้วย400 บาทต่อวัน 

"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่

โดยกรณีเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมค่าอาหารจะจ่ายอยู่ 1,000 บาท/วัน แต่ถ้าจัดบริการรักษาพยาบาลอย่างเดียวไม่รวมค่าอาหารจะจ่ายที่ 600 /วัน รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 10 วัน และจะมีการปรับหลักเกณฑ์ในวันที่ 1 มี.ค. 2565 นี้ โดยปรับเป็นการเหมาจ่ายต่อการให้บริการผู้ป่วย 1 ราย กรณีรักษา 7 วันขึ้นไป จ่ายค่าดูแลรวมค่าอาหาร 12,000 บาท แต่หากไม่รวมค่าอาหารจะอยู่ที่ 8,000 บาท

จากการติดตามประเมินผลการจัดส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าระบบ Home Isolation ในการระบาดระลอกที่ 4 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา พบปัญหาว่ามีผู้ป่วย Home Isolation 27.76% ที่ไม่ได้รับอาหารเลย อีก 5.6% ได้รับอาหารเป็นบางวัน และอีก 66.63% ได้รับอาหารทุกวัน ซึ่งในการรับมือการระบาดระลอกที่ 5 นี้ สปสช.พยายามลดส่วนที่ไม่ได้รับอาหารให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังพบปัญหาการเบิกจ่ายค่าอาหารจากผู้ประกอบการ เช่น ไม่พบหลักฐานการจัดส่งอาหารหรือรับอาหารตามวันที่ขอเบิก

"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่

หรือ มีหลักฐานการจัดซื้ออาหารแต่ไม่พบหลักฐานการบริการอาหารรายบุคคล หรือส่งภาพหลักฐานหน้าจอการสนทนาทางไลน์ซึ่งไม่มีวันที่และ Line ID ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นผู้ติดเชื้อจริง ดังนั้นเพื่อความราบรื่นในการเบิกจ่ายค่าอาหาร ผู้ประกอบการควรมีมีหลักฐานที่บ่งบอกชื่อ-นามส่งสกุลผู้ติดเชื้อ หรือหลักฐานการจัดอาหารจากผู้ผลิตอาหารจัดส่งให้ผู้ติดเชื้อตามจำนวนวันที่เบิกเป็นรายบุคคล หรือหลักฐานการรับอาหารของผู้ติดเชื้อหรือญาติ ทั้งนี้เพื่อให้การจ่ายเงินค่าอาหารเป็นไปอย่างรวดเร็ว


ด้านนางฐนิวรรณ กล่าวว่า ในส่วนของการจัดส่งอาหารแก่ผู้ป่วยในระบบ Home Isolation ทางสมาคมฯสามารถเป็นโซลูชั่นหรือตัวกลางแก่หน่วยบริการในการจัดหาอาหารและการขนส่ง ซึ่งนอกจากประกอบอาหารและจัดส่งแล้ว สมาคมฯยังมีแพล็ตฟอร์มอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น มีแอปพลิเคชัน "ปันสุข" ซึ่งผู้ป่วยสามารถติดตามได้ว่าอาหารส่งถึงไหนแล้ว แพ้อาหารอะไรก็สามารถแจ้งได้ เมนูต่างๆอิงกับมาตรฐานโภชนาการ ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน มีบริการ Call Center และมีการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ที่ สปสช.หรือกระทรวงสาธารณสุข สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ 12 เดือน

"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่
สมาคมมีเครือข่ายสมาชิกที่พร้อมให้บริการประชาชน และนอกจากเครือข่ายของสมาคมภัตตาคารไทยแล้ว เรายังมีสมาคมหรือชมรมผู้ประกอบการอาหารอื่นๆ ที่ได้มาตรฐาน Clean food good teste จากกรมอนามัย ซึ่งในรอบที่ผ่านมาสมาคมภัตตาคารไทยเป็นหัวเรือใหญ่ในการรวบรวมผู้ประกอบการร้านอาหารเพื่อส่งอาหารให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. ดูแล ได้ประมาณ 270,000 คน ใน กทม. สามารถทำได้ 30,000 กล่อง ส่วนในต่างจังหวัดก็มีสมาคม/ชมรมร้านอาหารในทุกจังหวัด ซึ่งสมาคมฯพร้อมเป็นคนกลางประสานงานให้ในพื้นที่

"ติดโควิด" รักษาตัวที่บ้าน สามารถเบิกค่าอาหารได้ ทำอย่างไร เช็คได้ที่นี่
อย่างไรก็ดี นางฐนิวรรณยังสะท้อนปัญหารในการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาให้ สปสช. ทราบว่ารัฐสนับสนุนค่าอาหารที่ 400 บาท/3 มื้อ แต่มีผู้ที่ได้รับงานจากโรงพยาบาลต่างๆแล้วมาจ้างต่อในราคา 145 บาท/3 มื้อ หรือมื้อละ 45-50 บาท จึงทำให้บางส่วนได้อาหารตามราคา ดังนั้นทั้งผู้ป่วยและผู้ประกอบการควรจะได้ทราบสิทธิที่รัฐบาลดูแล นอกจากนี้ ในขั้นตอนในการส่งมอบงานต้องมีการใช้เอกสารจำนวนมากตามระบบราชการ มีต้นทุนค่าบริหารจัดการ ดังนั้นจึงอยากฝาก สปสช. กำหนดเป็นนโยบายในภาพใหญ่ให้สามารถใช้ระบบออนไลน์ในการส่งมอบงานได้ รวมทั้งระยะเวลาการเบิกเงิน 60 วันก็ค่อนข้างนาน


ทั้งนี้ หากมีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมให้บริการผู้ป่วย Home Isolation กับทางสมาคมฯ หรือมีโรงพยาบาลทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด ต้องการให้สมาคมฯประสานงานกับผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ให้ สามารถส่งข้อความมาได้ที่ inbox ข้อความของเพจเฟซบุ๊ก สมาคมภัตตาคารไทย - Thai Restaurant Association (https://www.facebook.com/Thairestaurantasso) ซึ่งจะมีแอดมินหลายคนคอยดูแลประสานงานต่างๆให้ 


ด้าน พญ.กฤติยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของปัญหาการเบิกจ่ายค่าอาหารล่าช้า เนื่องจากตามระเบียบแล้ว สปสช.สามารถจ่ายเงินให้เฉพาะหน่วยบริการ ดังนั้นเงินค่าอาหารจะถูกจ่ายไปที่โรงพยาบาล แล้วจึงเป็นกระบวนการภายในของโรงพยาบาลที่จะเบิกจ่ายเงินแก่ร้านอาหาร ซึ่งด้วยความที่ระบบ Home Isolation เป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีความติดขัด แต่ สปสช. ได้รับทราบปัญหาและปรึกษากับทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สตง.มีข้อชี้แนะว่าในส่วนของค่ารักษาให้นำเข้าบัญชีเงินบำรุงของโรงพยาบาล ส่วนค่าอาหารสำหรับ Home Isolation ให้ทำเป็นเงินรับฝาก เมื่อร้านอาหารมาเบิกค่าอาหารก็สามารถนำออกมาจ่ายโดยไม่ต้องเอาเงินภายในโรงพยาบาล ทำให้กระบวนการเบิกเงินง่ายขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สปสช.ได้ชี้แจงหน่วยบริการไปแล้วคาดว่าในระยะต่อไปหน่วยบริการจะมีความเข้าใจกระบวนการมากขึ้น


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso

ขอบคุณภาพ

nationphoto