คริสเตียโน่ โรนัลโด้ งานเข้า โดนหมายศาล เจอข้อหาหนัก

จากกรณีที่มีเรื่องให้นักเตะระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หัวหอกตัวเก๋า ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังในเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องหงุดหวิดอีกแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งจะไม่มีบทบาทเท่าใดนัก ในแมตช์ที่แพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล 0 - 5 ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่ง โรนัลโด้ มีตัวตนก็ตอนที่เตะบอลอัด เคอร์ติส โจนส์ ดาวรุ่งหงส์แดงด้วยความไม่พอใจ

ล่าสุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ งานเข้าอีกครั้งเมื่อมีรายงานว่า เขาต้องเร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ เปเนด้า - เจเรส ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโปรตุเกส ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้สร้างคฤหาสน์หรูตากอากาศเอาไว้ในพื้นที่ดังกล่าวจริง พร้อมทั้งมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งตามบริเวณส่วนของสนามเทนนิส และเรือนพักของแม่บ้าน นั้นได้สร้างในเขตพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต

จากสาเหตุเดังกล่าว ทำให้ทางสภาเมืองที่เข้าตรวจสอบแจ้งเรื่องให้ ดาวเตะวัย 36 ปี ต้องทำการรื้อถอนในส่วนต่อขยายที่สร้างขึ้นออกทั้ง สนามเทนนิสขนาด 3,200 ตารางฟุต และเรือนพักของแม่บ้าน 1,235 ตารางฟุต ซึ่งเจ้าตัวทราบเรื่องและเตรียมดำเนินการดังกล่าว ขณะเดียวกัน มานูเอล ติโบ หัวหน้าสภาท้องถิ่น ออกมาเผยว่า 

"คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่งโครงการมาให้เราเพื่อขอขออนุมัติ ซึ่งมันถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีบางส่วนที่ถูกสร้างต่อเติมนอกเหนือจากที่ส่งแผนมาให้กับเราดู"

 

- ซินแสเข่ง ผ่าดวง อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ดวงเด่นดวงเเข็ง หญิงแกร่งนำทัพเพื่อไทย

- หนุ่มใหญ่สายเปย์ โดนสาวหลอกโอนเงิน เจอหน้าจริงถึงกับตกใจ

- แฟนหนุ่มเล่นใหญ่ จัดเซอร์ไพรส์ของแต่งงานริมหน้าผาภูกระดึง

พร้อมกันนี้ หัวหน้าสภาท้องถิ่น ได้ออกมายืนยันว่า กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ได้รับหมายศาลแล้ว และตกลงที่จะทุบสนามเทนนิส รวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอุทยานแห่งชาติ หลังทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย โดยมีระยะเวลารื้อถอนจนถึงเดือนมีนาคม ปีหน้า

อย่างไรก็ตาม สำหรับ คฤหาสน์ริมน้ำ ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลังนี้ได้สร้างตั้งแต่เมื่อปี 2014 ด้วยมูลค่า 2.3 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งมีรายงานว่าเขาเคยขายต่อให้กับ เปเป้ อดีตปราการหลังเพื่อนร่วมชาติเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่สภาเมืองได้ออกมาเผยว่าชื่อเจ้าของในทะเบียนคฤหาสน์หลังนี้ยังคงเป็นชื่อของเขาอยู่เหมือนเดิม

ภาพจากไอจี cristiano

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews