ทีมแพทย์ถึงร้องไห้ ดีใจตัวโยน ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตหายกลับบ้านได้

17 กันยายน 2564

สถานการณ์โควิด-19 ในไทยตอนนี้ยังคงถือว่าหนัก ทีมแพทย์ถึงร้องไห้ ดีใจตัวโยน ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตหายกลับบ้านไปเจอครอบครัวได้อีกครั้ง

อย่างที่หลายๆ คนทราบความร้ายกาจของโรคโควิด 19 อย่างดีว่า มันสามารถทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อของมันเข้าร่างกายเกิดอาการปอดติดเชื้อย่างรุนแรงได้ ซึ่งถ้าใครสุขภาพไม่สู้ดีก็อาจจะพามันจูงมือไปหามัจจุราชได้ง่ายๆ เพราะนอกจากโควิดจะติดกันอย่างง่ายดายแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ผู้ป่วยเข้าขั้นอาการโคม่า มันก็พร้อมที่จะพรากชีวิตได้ทุกเมื่อ

ทีมแพทย์ดีใจ ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตหายกลับบ้านได้

ทว่าบางครั้งปาฏิหาริย์ก็มักจะมาให้เห็นได้บ่อยๆ อยบ่างเคสดังต่อไปนี้ที่ หมอเบียร์ แห่งโรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งคุณหมอคนเก่งได้ ยกเคสคนไข้โควิดรายหนึ่งเข้ามารักษาด้วยอาการเชื้อลงปอด อาการโคม่า จนทางหมอและพยาบาลต่างเห็นตรงกันว่าเคสนี้ไม่น่ารอด แต่สุดท้าย...

โดยคุณหมอเบียร์ ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า  4 วันก่อนพยาบาลมาเล่าให้ฟัง ว่ามีคนไข้หญิงชาวเมียนมาอายุ 30 ต้น ๆ คนหนึ่ง มีอาการหอบเหนื่อยมากมาที่ห้องฉุกเฉิน เมื่อทำการวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้วได้เพียง 40 - 50%  ด้านหมอเวรห้องฉุกเฉิน จึงสั่งเอกซเรย์ปอดและตรวจ ATK (antigen test kit) ทันที 

กระทั่งเวลาผ่านไปผลออกมาเป็นบวก ติดเชื้อโควิด นอกจากนี้ ผลเอกซเรย์ปอดแย่มากๆ ขาวโพลนไปหมดไม่มีส่วนดำปกติเลย ซึ่งเมื่อทีมแพทย์ได้เห็นดังนั้นต่างก็รู้ดีว่า ปอดโควิดแบบนี้คงไม่รอด จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ NGO ของ M - fund ช่วยตามหาญาติของคนไข้มาที่โรงพยาบาล เมื่อสามีและลูกของคนไข้มาถึงเจ้าหน้าที่ให้สวมชุด PPE เข้าไปพูดคุยกัน 

แน่นอนว่า ในใจทุกคนคิดว่านี่คงจะเป็นการร่ำลาครั้งสุดท้าย แต่คนไข้บอกสามีว่าให้กลับไปรอเธอที่บ้านไม่นานเธอจะได้กลับไป...ทำเอาเจ้าหน้าที่หลายคนร้องไห้ออกมาเพราะสงสารคนไข้มากๆ กระทั่งจากอาการแย่มากสู่ปาฏิหาริย์ ณ ห้อง ICU ที่มีผู้ใช้บริการแทบล้นห้อง ขณะเดียวกัน อาการคนไข้รายนี้ก็แย่มากแล้ว ซึ่งมีอาการหายใจหอบมาก 

หลังจากพามาถึง ห้อง ICU คนไข้จึงได้ใช้ออกซิเจน High flow oxygen 100% ได้ยาทุกอย่างขั้นสุด ก่อนจะเข้าแก๊งนอนคว่ำของ หมอเบียร์ ซึ่งทางคุณหมอเองก็สงสารคนไข้จับใจที่ต้องทรมานจากอาการเหนื่อย จึงให้ยามอร์ฟีนเพื่อบรรเทา ซึ่งต้องชื่นชมที่ว่า เธออดทนมาก ซึ่งวันแรกเธอสั่นไปทั้งตัว จับขอบเตียงเกร็งไปหมด 

ทีมแพทย์ดีใจ ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตหายกลับบ้านได้

นอกจากนี้ เธอยังมีอาการซึมๆ ถามไม่ตอบ ในวันต่อมาคนไข้นิ่งมากขึ้น เริ่มหายใจดีขึ้นมาก ไม่มีอาการเกร็ง จนกระทั่งเริ่มพูดได้ กินข้าวเมื่อเจ้าหน้าที่ป้อน และในที่สุดก็ลุกขึ้นมากินข้าวเอง นั่นทำให้ทุกคนตกใจตอนอุทานกันเสียงหลง เนื่องจากอาการคนไข้ดีขึ้น และเมื่อดูฟิล์มเอกซเรย์ก็ดีขึ้น ทำคุณหมอดีใจน้ำตาไหล

คุณหมอเบียร์เล่าต่อไปว่า ผู้ป่วยโควิดที่นอนคว่ำจะมีค่าออกซิเจนในเลือดดีขึ้น ซึ่งหมอจะอนุญาตให้นอนหงายเฉพาะเวลากินข้าวและเวลาเมื่อยเท่านั้น แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะงอแง แต่หมอจะบอกให้อดทนด้วยการบอกว่า ถ้านอนคว่ำเธอจะได้ไปเจอลูกอีกครั้ง ทั้งนี้ คุณหมอยังคิดว่านอกจากอภินิหารนอนคว่ำและยามากมายที่ให้เธอไป

"อภินิหารกอดสุดท้ายของลูกและสามีในวันนั้น คือแรงใจที่ดีที่สุดที่เธอยึดเหนี่ยว..เธอต้องรอด มาลุ้นไปกับเธอนะคะ ลุ้นให้เธอได้กลับบ้านกันค่ะ" คุณหมอเบียร์กล่าวทิ้งท้าย

ทีมแพทย์ดีใจ ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตหายกลับบ้านได้

ข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews