รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมมอบเงินให้ไทย 1,800 ล้าน แก้ปัญหามนุษยธรรม รับมือโควิด

หลังจากที่ทั่วโลกต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มาอย่างยาวนานร่วม 2 ปี ซึ่ง ณ สถานการณ์ปัจจุบันล่าสุดนั้นมีหลายประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างดี จนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มลดน้อยลง พร้อมกันนี้ยังสามารถฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็วด้วยชนิดวัคซีนแบบชนิด mRNA ที่มีประสิทธิภาพต่อสู้กับไวรัสร้ายกลายพันธุ์ได้อย่างดีเยี่ยมนั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา


 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด สถานทูตสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ได้แจ้งประกาศจาก เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ มีความประสงค์จะมอบความช่วยเหลือให้กับไทยมูลค่า 55 ล้านดอลลาร์ หรือ ราว 1,840 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรมและรับมือเกี่ยวกับโรคโควิด โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนี้

ความช่วยเหลือดังกล่าวจะแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 50 ล้านดอลลาร์ หรือ 1,673 ล้านบาท ที่จะมอบให้ภาคีองค์การระหว่างประเทศและองค์กรนอกภาครัฐ หรือ เอ็นจีโอ โดยตรง เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ลี้ภัยรัฐประหารมาจากเมียนมา ส่วนอีก 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 167 ล้านบาท จะเป็นการสนับสนุนบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชน และเสริมสร้างระบบสาธารณสุขของไทยในการป้องกัน ตรวจหา และตอบสนองต่อโรคโควิด

ด้าน นางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ได้แถลงว่า ภูมิใจที่จะประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะมอบความช่วยเหลือมูลค่า 55 ล้านเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความช่วยเหลือเพื่อการดำเนินการตอบสนองด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ เราจะให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนการรับมือต่อการระบาด ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาวะตึงตัวของระบบสาธารณสุขของไทย

เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า ไวรัสนี้ไม่สนใจว่าเรามาจากประเทศไทย หรือสหรัฐฯ หรือเมียนมา หรือลาว และไม่มีชาติหนึ่งชาติใดจะสามารถหยุดโรคระบาดใหญ่ได้โดยลำพัง

ทั้งนี้ นางโทมัส-กรีนฟิลด์ ยังได้แถลงแจ้งข่าวดีให้กับประเทศไทยอีกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเตรียมจัดส่งวัคซีนให้ไทยอีก 1 ล้านโดสในเร็วๆ นี้ เพิ่มเติมจาก 1.5 ล้านโดสที่จัดส่งมาถึงประเทศไทยเมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนได้ให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะมอบวัคซีนให้กับทั่วโลก ประธานาธิบดีเข้าใจดีว่า ไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย

"เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยให้ไทย องค์กรนอกภาครัฐ และองค์การระหว่างประเทศสามารถตอบโต้วิกฤตการณ์โควิด-19 และตอบสนองต่อความต้องการของประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทย ที่ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ยากลำบากทั้งที่ประเทศไทยและในทั่วโลก และดิฉันอยากจะให้คนไทยทราบว่า สหรัฐฯ จะยืนเคียงข้างพวกท่านต่อไป" เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวแถลง

อย่างไรก็ตาม นางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อีกว่า อยากขอบคุณบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ ซึ่งได้แก่ พยาบาล หมอ บุคลากรสาธารณสุข อาสาสมัคร และทุกคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหยุดไวรัสนี้และช่วยชีวิตคนมากมาย