อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงปมเอกสารตอบโต้ของ อนุทิน กับ ผู้บริหารบริษัทแอสตราฯ

18 กรกฎาคม 2564

อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงปมเอกสารตอบโต้ของ"อนุทิน"กับ"ผู้บริหารบริษัทแอสตร้าฯ เป็นข้อมูลที่มาจากวงประชุมแบบไม่เป็นทางการ เมื่อปี 63 ยืนยันไม่เคยบอกอย่างเป็นทางการว่าจะฉีดได้ 3 ล้านโดส เพิ่งมารู้ วัคซีนที่ผลิตในไทยจะส่งออกต่างประเทศ

วันนี้ (18 ก.ค.2564)  จากกรณีที่ เอกสารการโต้ตอบระหว่างบริษัทแอสตราเซนเนกา และนายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย กับ นาย นายสจอร์ด ฮับเบน รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรทั่วโลก ของบริษัทแอสตราเซนเนกา ซึ่งเป็นหนังสือลับลงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 นั้น

แจงปมเอกสารตอบโต้ของ"อนุทิน" กับ "ผู้บริหารบริษัทแอสตร้าฯ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า หากดูภาพรวมของหนังสือ บริษัทแอสตราฯ ได้ขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า  ทำให้สามารถผลิตวัคซีนขึ้นได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศอื่นนอกอาเซียนด้วย

 

 

 

แจงปมเอกสารตอบโต้ของ"อนุทิน" กับ "ผู้บริหารบริษัทแอสตร้าฯ

รวมถึงรายงาน ที่บริษัทได้ทำมาในการจัดส่งวัคซีนให้ตั้งแต่ต้น ตามข้อกำหนดการจัดส่งวัคซีนที่ทำไว้และมีการเจรจา  ซึ่งโรงงานผลิตวัคซีนในไทยสามารถมอบวัคซีนได้ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน และก่อนหน้านี้บริษัท ได้มีการหาวัคซีนให้ไทยล่วงหน้าด้วย และมีการระบุถึงจำนวนวัคซีน โดยไทยจองมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนคือ 61 ล้านโดส โดยกำลังการผลิตวัคซีนของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จะส่งให้ไทยได้ 1 ใน 3  โดยจะพยายามส่งให้ครบถ้วนตามสัญญา

แจงปมเอกสารตอบโต้ของ"อนุทิน" กับ "ผู้บริหารบริษัทแอสตร้าฯ

ถ้าสังเกตดูในหนังสือสัญญา การเจรจาตอนนั้นการผลิตวัคซีนยังไม่ได้แม้แต่ขวดเดียว  เป็นการทำสัญญาล่วงหน้า เป็นไปไม่ได้ ที่จะมีการระบุว่าเดือนไหนจะส่งจำนวนเท่าไหร่ กี่โดส  แต่ในสัญญา ระบุเพียงเวลาที่จะส่งโดยจะแจ้งเป็นรายเดือน แต่ละเดือนที่ไทยต้องการ  ซึ่งกรมควบคุมโรคได้มีหนังสือแจ้งไปยังแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย  ในวันที่ 24 เมษายน  ซึ่งทุกเดือนจะมีการส่งไปให้บริษัท โดยในหนังสือ จะระบุว่า จะขอวัคซีนเดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส  กรกฎาคม 10 ล้านโดส  สิงหาคม 10 ล้านโดส  กันยายน 10 ล้านโดส  ตุลาคม 10 ล้านโดส  พฤศจิกายน 10 ล้านโดส   ธันวาคม 5 ล้านโดส   เป็นหนังสือ ยืนยันว่า ไทยต้องการจำนวนวัคซีนจำนวนเท่าไหร่  การส่งมอบ ต้องขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ แอสตร้าเซนเนก้า ในไทยด้วย และสิ่งที่ขอไปไม่ได้แปลว่าจะได้ตามจำนวนขอ

ส่วนกรณีในจดหมายที่ระบุว่า  ไทยขอให้แอสตร้าฯ จัดส่งวัคซีนให้ 3 ล้านโดสนั้น  นพ.โอภาส  ระบุว่า ข้อมูลนี้ชุดนี้  เป็นการอ้างอิง มาจากวงประชุมแบบไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2563 เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในเดือนกันยายน 2563 มีการสอบถามว่า ความสามารถในการผลิตและฉีดวัคซีนของไทยอยู่ที่เท่าไหร่  ซึ่งขณะนั้นข้อมูลที่มีอยู่ คือ การฉีดอยู่ที่ประมาณวันละ 3 ล้านโดส และ ยืนยันว่า กรมควบคุมโรค ยังไม่เคยบอกอย่างเป็นทางการออกมาว่าจะฉีดได้ 3 ล้านโดส   แต่ที่ผ่านมาได้มีตัวเลขประมาณการณ์ ขีดความสามารถของไทยสามารถฉีดวัคซีนอยู่ที่ 10 ล้านโดสต่อเดือน หากวัคซีนมีความเพียงพอ

การจัดส่งวัคซีน astrazeneca ให้ไทยจะมี 2 ส่วน คือ ความต้องการของประเทศไทย และอีกส่วนคือ กำลังการผลิตของบริษัท ทั้งนี้ ในชุด สัญญาวัคซีนแสตร้าฯ มาจาก 3 ฝ่าย คือ กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนฯ และแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย  เป็นการจองวัคซีนล่วงหน้า ซึ่งแอสตร้าฯระบุไม่ได้ว่า จะมีการผลิตวัคซีนได้เท่าไหร่  ซึ่งการจัดส่งมอบวัคซีน จะมีการเจรจาวัคซีนเป็นรายเดือน

ส่วนกรณี ที่วัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตโดย บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จํากัด มีการจัดส่งไปยังต่างประเทศด้วยนั้น นายแพทย์ โอภาสระบุว่า พึ่งมารู้ในวันที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่ามา แต่ก่อนหน้านั้น บริษัทแอสตร้าฯ ไม่ได้ระบุ ว่า วัคซีนที่ผลิตในไทยจะมีการส่งให้ต่างประเทศ  แต่ในสัญญาระบุว่า หากจะมีการส่งออกต่างประเทศ ก็ขอให้ไทยสนับสนุนไม่ให้มีการขัดขวาง การส่งออกโดยไม่สมควร  โดยแอสตร้าฯ ยังจัดส่งให้ไทย ทุกสัปดาห์บางสัปดาห์ส่งให้ 2 ครั้ง

ส่วนที่มีการรายงานออกมาก่อนหน้านี้ ว่าแอสตราเซนเนกา จะส่งวัคซีนให้ไทย ครบถึงเดือนพฤษภาคม 2565 นายแพทย์โอภาส ระบุว่า ข้อเท็จจริงคือว่าขณะนี้การผลิตของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ พยายามจะผลิตให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น  เท่าที่คำนวณดูขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านโดสต่อเดือน  ถ้าคิด 1 ใน 3  จะส่งให้ไทยได้ประมาณ 5 ล้านโดสอย่างต่ำ ทั้งนี้บริษัทแอสตร้าฯ ไม่เคยระบุว่า จะส่งให้ไทยถึงพฤษภาคม 2565

สำหรับการผลิตวัคซีน ขึ้นอยู่ในหลายปัจจัย และชีววัตถุ  ถ้าจะให้บริษัทวัคซีน ระบุชัดๆ ว่าจะได้เท่าไหร่ คงเป็นเรื่องยากที่บริษัทจะรับปากได้ครบถ้วนร้อยเปอร์เซนต์ โดยในสัญญาความต้องการที่ไทยส่งไป  ยังคงยืนยันอยู่ที่ 61 ล้านโดส ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ได้ภายในเดือนธันวาคมปีนี้  ซึ่งคงต้องมีการเจรจาเป็นรายเดือนต่อไป

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า หลังจากที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีการขึ้นทะเบียน อย. ในประเทศไทยเมื่อ 20 มกราคม 2564 ซึ่งประเทศได้รับวัคซีนแอนสตร้าฯ มาแล้วทั้งหมด  8,193,500 โดส ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธุ์ - 16 กรกฎาคม 2564 แบ่งเป็น

28 ก.พ.64   117,300  โดส

28 พ.ค.64   242,100  โดส

4 มิ.ย.64    1,787,100 โดส

16 มิ.ย.64    610,000  โดส

18 มิ.ย. 64   970,000  โดส

23 มิ.ย. 64  593,300   โดส

25 มิ.ย. 64    323,600 โดส

30 มิ.ย. 64    846,000 โดส

3 ก.ค. 64    590,000  โดส

9 ก.ค. 64   555,400 โดส

12 ก.ค   1,053,090   โดส (เป็นล็อตญี่ปุ่นบริจาค)

16 ก.ค  64   505,700 โดส

ทั้งนี้ภาพรวมในแผนการฉีดวัคซีนของไทยตามศักยภาพที่ประมาณการณ์ ไว้อย่างน้อย 10 ล้านโดสต่อเดือน  แผนในขณะนี้ยังคงเป็น 10 ล้านโดสอยู่ โดยมีวัคซีน 2 ชนิด คือ ซิโนแวค และ แอสตร้าเซนเนก้าที่จะส่งให้จังหวัดต่างๆ กำหนดให้กลุ่มเป้าหมายหลัก แต่กลุ่มเป้าหมาย ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์