สุวรรณภูมิ เเจงด่วน ข่าวสะพัดคลัสเตอร์ใหม่ ติดโควิดเพียบ พยายามปิดข้อมูล

14 กรกฎาคม 2564

สุวรรณภูมิ ยืนยันไม่ได้มีการปกปิดจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่เขตปลอดอากร หลังมีกระเเสข่าวคลัสเตอร์ สุวรรณภูมิ พนักงานติดโควิดเพียบ ชี้เร่งฉีดวัคซีนทั้ง2เข็มแล้ว ประมาณ 5,500 คน

เพจ AOT Official  ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ออกมาชี้เเจงข้อเท็จจริงว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยืนยันไม่ได้มีการปกปิดจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่เขตปลอดอากร ย้ำมีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันและถูกนับจำนวนตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในทุกวัน  

หลังจากมีกระเเสข่าวว่า  ขณะนี้ได้เกิด คลัสเตอร์ “สุวรรณภูมิ" ทอท.อยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากพบมีพนักงานที่สนามบินสุวรรณภูมิติดเชื้อโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวมีจำนวนมากกระจายอยู่ในหลายส่วนงาน ซึ่งล้วนเป็นฝ่ายปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับการให้บริการสนามบินทั้งสิ้น 
 

สุวรรณภูมิ

 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 1-13 ก.ค. 2564 มีรายงานพบว่ามีเจ้าหน้าที่ ทอท. และผู้ประกอบการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในพื้นที่อาคารสำนักงาน ทอท. (ตึกAOB) อาคารสำนักงานสายการบิน และอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   ขอให้งดหรือหลีกเลี่ยงการเข้าไปใน 7พื้นที่เสี่ยงโดยไม่จำเป็น เนื่องจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ได้แก่

สุวรรณภูมิ

- อาคาร AOB ทสภ.
- ตลาดนัด AOB
- ธนาคารกรุงไทย สาขา AOB
- อาคารผู้โดยสารฯ ทสภ.
- ร้านสะดวกซื้อ/ร้านอาหาร/ร้านค้า นอกพื้นที่บริษัทฯ
- อาคารที่ทำการสายการบิน
- พื้นที่ Free Zone

สุวรรณภูมิ

สุวรรณภูมิ
 ล่าสุดนั้นในวันที่ 14ก.ค.64 นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายบำรุงรักษา) รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

 

ตามที่มีข่าวเผยแพร่ในเฟซบุคเพจรายการ”เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เปิดความลับ”ของคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.64 ได้นำเสนอข่าวว่ามีการปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด 19 ภายในพื้นที่เขตปลอดอากรนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)

สุวรรณภูมิ

ขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า เขตปลอดอากร ทสภ. มีผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จำนวนมาก ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฝ่ายหนังสือสำคัญถิ่นกำเนิดสินค้า 3 กรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานเอกชน เช่น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ดับบลิวเอฟเอส พีจี คาร์โก้ จำกัด ตัวแทนผู้นำเข้า-ส่งออก ทั้งที่มีสำนักงานและไม่มีสำนักงานภายในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ. เพื่อให้มีการสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) แก่ผู้ปฏิบัติงานภายในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ. เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และสามารถนำไปประเมินความเสี่ยงของผู้เกี่ยวข้องได้

สุวรรณภูมิ

จึงมีการจัดตั้งไลน์กลุ่มผู้ปฏิบัติงานภายในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ. เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดรายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อ เมื่อทราบผลการตรวจจากโรงพยาบาลหรือหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งเป็นข้อมูลที่แต่ละหน่วยงานต้องรายงานผลและจะถูกนับจำนวนในทุกวันให้ สธ. รับทราบอยู่แล้ว สำหรับการสรุปตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ของแต่ละหน่วยงานที่ได้รวมรวมและแจ้งผ่านกลุ่มไลน์ที่เป็นประเด็นนั้น ได้มีการรวบรวมจากแบบฟอร์มรายงานผู้ยืนยันติดเชื้อ จำนวนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง หน้าที่ความรับผิดชอบและไทมไลน์ ของผู้ติดเชื้อรวมถึงมาตรการที่หน่วยงานดำเนินการต่อผู้ติดเชื้อ ผู้เสี่ยงสูง และบุคลากรภายในสำนักงาน

สุวรรณภูมิ

เพื่อให้พนักงาน ทอท. หน่วยราชการ ผู้ประกอบการทุกหน่วยงานที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ได้รับทราบจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้มีความเสี่ยง เพื่อระวังป้องกันตัว รวมทั้งการดำเนินการทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในสำนักงานนั้น ๆ ซึ่งที่ผ่านมา ทสภ. ได้รับความร่วมมือในการรายงานข้อมูลดังกล่าวครบถ้วนด้วยดีเสมอมา ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวก็จะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินความเสี่ยงต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดย ทสภ. ขอยืนยันว่าไม่มีการปกปิดจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างแน่นอน

สุวรรณภูมิ
นายวิจิตต์ กล่าวต่อไปว่า ทสภ. มีความห่วงใยผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ. เป็นอย่างยิ่ง โดยได้ดำเนินการมาตรการเชิงรุก Preventive Medicine โดยจัดหาและจัดสรรวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด – 19 ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ให้กับบุคลากร พนักงาน ทอท. และผู้ประกอบการภายในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ. เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งสองเข็มแล้ว จำนวนประมาณ 5,500 คน เรียบร้อยแล้ว

สุวรรณภูมิ

ทั้งนี้ภายในพื้นที่เขตปลอดอากรยังคงมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยมีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดแบบ Deep Cleaning ภายในพื้นที่เขตปลอดอากร

 

เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางในเขตปลอดอากร ซึ่งมีจุดสัมผัสร่วมที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคโควิด - 19 อาทิ บริเวณห้องโถง ห้องอาหาร ห้องสุขา ห้องออกงานบัตร ราวบันได เครื่องกดเงินสด ปุ่มกดลิฟท์ ตลอดจนเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรวมถึงผู้มาติดต่องานต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าพื้นที่ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และรักษาระยะห่าง (Social Distancing) ตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ทสภ. ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพและปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดย ทสภ. จะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและยึดมั่นความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ หากผู้ใช้บริการต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง