หมอมนูญซัดล็อกดาวน์ครั้งนี้ช่วยได้ไม่มาก แต่เศรษฐกิจพัง วัคซีนคือทางออก

12 กรกฎาคม 2564

หมอมนูญโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ชี้ ล็อกดาวน์ครั้งนี้ช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่เศรษฐกิจพัง วัคซีนคือทางออก เดียวที่จะหยุดการแพร่ระบาดในประเทศไทย รัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าการล็อกดาวน์นั้นช่วยแก้ปัญหาเรื่องการระบาดของโควิด-19 ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางออกเดียวที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือเร่งจัดหาวัคซีนโควิดมาฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยระบุว่า 

การล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วกับครั้งนี้มีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร

การระบาดรอบแรกเกิดจากซุปเปอร์สเปรดเดอร์แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมให้กับคนที่มารวมกลุ่มกันในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่นสนามมวย บ่อนการพนัน ช่วงนั้นมีคนติดเชื้อหลักร้อยคนต่อวันเท่านั้น หลังจากที่มีการล็อกดาวน์ห้ามคนรวมกลุ่มกัน หยุดการเดินทาง สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้สำเร็จ แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ (trade off) การล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งแรกในปี 2563 นาน 3 เดือนทำให้เศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้านบาท รวม 3 เดือน 9 แสนล้านบาท

การระบาดรอบนี้แตกต่างจากรอบแรก ครั้งนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองไปติดเชื้อจากใคร และเมื่อนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าบ้าน เนื่องจากคนไทยอยู่กันในลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ที่มีพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติอยู่ร่วมกัน (extended family) จึงติดคนในบ้านหลายคนพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงอายุ เมื่อติดเชื้อจะมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตสูง ในช่วงเวลา 3 เดือนกว่าๆที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 3 แสนคน แต่ถ้าตรวจมากกว่านี้เชื่อว่าคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แสดงให้เห็นว่าเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อัลฟ่าและต่อมาเดลตาติดต่อกันง่ายมาก สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วมากๆ แตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิม

 

ทหาร ตำรวจ ตั้งด่านตามมาตรการล็อกดาวน์

การล็อกดาวน์โดยขอให้เวิร์กฟรอมโฮม งดการเดินทางโดยไม่จำเป็นยกเว้นซื้ออาหาร  ไปโรงพยาบาลและฉีดวัคซีน ห้ามคนรวมกลุ่มกัน ก็ไม่แน่ใจว่าจะประสบผลสำเร็จเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรก เพราะคนยังนำเชื้อไวรัสเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว และแพร่ต่อให้คนในบ้านซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน ปัจจุบันคนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 9 ล้านกว่าคนเท่านั้น ถ้ารวมกับคนที่ติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติหลังจากติดเชื้ออีก 5-6 แสนคน ก็ยังห่างไกลจากตัวเลขอย่างน้อย 50 ล้านคน ถึงจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ หยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ 

วัคซีนเป็นทางออกเดียวที่จะหยุดการแพร่ระบาดในประเทศไทย รัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด รีบฉีดให้กับคนสูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 โรคให้มากที่สุด คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไม่นำเชื้อไวรัสเข้าบ้าน ใส่หน้ากากอนามัยทุกคนเวลาออกนอกบ้าน เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ละเว้นการรับประทานอาหารกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ รีบจองคิว เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน

การล็อกดาวน์ครั้งนี้เชื่อว่าคงช่วยได้ไม่มากเหมือนครั้งที่แล้ว แต่การล็อกดาวน์มีผลเสียต่อเศรษฐกิจมากมายเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรกอย่างแน่นอน

 

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์

 

ขอบคุณ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC