นักข่าวช่องดังร้องทุกข์ไม่จ่ายค่าบ้าน 2 เดือน โดนยึดบ้านขายทอดตลาด

29 เมษายน 2564

นวินดา บริบูรณ์ นักข่าวช่องดังร้องทุกข์ไม่จ่ายค่าบ้าน 2 เดือน โดนขายทอดตลาด ตอนนี้มืดแปดด้าน ติดต่อที่ไหนก็ถูกยื่นเงื่อนไขให้หาเงินจำนวนมากมาในเวลาไม่กี่เดือน อยากให้ช่วยเป็นสื่อกลางนำเสนอเรื่องนี้

บนเฟซบุ๊กของคุณนวินดา บริบูรณ์ นักข่าวช่องดังโพสต์ขอความเป็นธรรมหลังไม่ได้จ่ายค่าบ้าน 2 งวด แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีถูกยึดบ้านขายทอดตลาด ติดต่อทางธนาคารแจ้งว่าเธอไม่จ่ายค่าบ้านมา 5 เดือนแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงขาดแค่ 2 เดือน ซึ่งพลาดตรงที่เก็บใบเสร็จไว้ไม่ครบ ธนาคารบอกว่าเธอไม่ได้จ่ายตั้งแต่เดือนม.ค. 61 แต่ใบเสร็จของเดือนนั้นเธอยังเก็บไว้อยู่ยืนยันว่าจ่ายแล้วแต่ทางธนาคารยังยืนยันว่าไม่มียอดเข้ามา 
 

กราบเรียน สื่อมวลชนที่เคารพ และคนไทยผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน

ดิฉัน นวินดา บริบูรณ์ อาชีพ ผู้ประกาศข่าว สื่อมวลชน นักข่าว  ปัจจุบัน พีธีกร ผู้สื่อข่าว. รายการ โทรทัศน์ รายการคนดีสังคมดี ททบ.5 ขอเรียนท่านสื่อมวลชนที่เคารพรักและคนไทยใจดีผู้ใหญ่ใจดีของบ้านเมืองนี้ทุกท่าน  ดิฉันขอเรียนว่า  ดิฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องบ้าน คือ...

จากการที่ดิฉันผ่อนบ้านจัดสรร ซื้อบ้านจัดสรร โครงการThe Trust คาซ่าวิลล์ หทัยราษฏร์ เมื่อปี 2558 ทำสัญญาซื้อบ้านโดยกู้ธนาคารผ่านโครงการขายบ้านจัดสรร ดังกล่าวนี้เหมือนกับลูกค้า คนอื่นๆตามปกติ  บ้านที่ดิฉันซื้อ ราคาขายปกติ เมื่อ4ปี ที่แล้วคือ 3,100,000บาท แต่ราคาซื้อโปรโมชั่นฝ่ายขายบ้านลดเหลือ 2,900,000 โดยประมาณ ดิฉันตัดสินใจซื้อ โดยทำสัญญาผ่อน18ปี  และวางเงินดาวน์บ้านหลังนี้ 300,000 บาท...เนื้อที่บ้าน 35.5 ตารางวา บ้านคิวเฮาส์ มีสระว่ายน้ำ คลับเฮาส์ อย่างดี  ที่หมู่บ้านร่มรื่นติดถนนใหญ่สายใหม หทัยราษฏร์ 

จากนั้น ดิฉัน ผ่อนบ้านมาปกติ จนปีที่4  ค้างค่าผ่อนบ้านเพียงแค่ 2 เดือน เข้าเดือน3 (งวดสุดท้าย ยังมีบิลใบทวงค่าบ้านมาปกติคือยอดทวง 18,500 ให้มาชำระ ในใบทวงค่าบ้านยอดค้างชำระ ยังไม่มีข้อความใดๆเขียนว่า จะขายบ้านดิฉันให้บริหารสินทรัพย์ เพราะดิฉันผิดสัญญาค้างชำระ จนแบงค์ จะขายบ้านดิฉันให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์แล้วนะไม่มีสัญญาณเตือนใดๆเลย

จม.ทวงหนี้ ให้มาจ่ายยอดบ้านที่ค้างเดือน 2 เข้าเดือน 3 ยอด18,500 ประมาณเดือน สิงหาคม2561 ดิฉันมีภาระจัดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติช่วยคนชรา มูลนิธิ รพ.สมเด็จพระยุพราชพอดี เกรงเงินไม่พอ เพราะสปอนเซอร์ บอกจะช่วยถึงเวลาช่วยไม่มาก ทำให้ดิฉันพยายามดึงรายจ่าย มาจ่ายค่าคอนเสิร์ตฯให้สมดังตั้งใจ...และพอดิฉันจัดคอนเสิร์ตเสร็จ 1 ก.ย.61 / ดิฉันไปเสียค่าบ้านวันที่ 2 ก.ย.64. ที่สาขาบิ๊กซี ที่ดิฉันเสียค่าบ้านเป็นปกติทุกเดือน ผลปรากฏ. พอไปชำระที่ธนาคาร สาขาย่อย บิ๊กซีสุขาภิบาล 5 เจ้าหน้าที่บอกว่า แบงค์ปิดระบบไปแล้ว ประวัติการชำระเงินของดิฉันถูกลบประวัติไปหมดแล้ว ให้ไปติดต่อ ธนาคาร....สำนักงานใหญ่

และพอดิฉันไปติดต่อ ธนาคาร สำนักงานใหญ่ กลับส่ง คนชื่อ มนชัย หัวหน้าฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายขายทรัพย์ มาคุย ซึ่งฝ่ายขายทรัพย์ ชื่อมนชัย บอกว่า ได้ปิดระบบขายทรัพย์ดิฉันไปแล้ว เพราะค้างชำระ ตั้งแต่  ม.ค. 61 รวมเกือบ5 เดือน เงินไม่เข้ามาใน บัญชีเลย  ดิฉันจึงแย้งไปว่า ดิฉันชำระถึงเดือน พ.ค.61 แน่นอน แต่ข้อพลาดคือ อาจเก็บใบเสร็จไม่ครบ เพราะงานยุ่งมาก เพราะต้องทำข่าว ทำคอนเสิร์ตด้วยเอกสารจึงปนๆและคนมาช่วยทำบัตรคอนเสิร์ต มาเปิดตู้ลิ้นชักเราด้วย ใบเสร็จไม่ครบ แต่ใบเสร็จเดือน ม.ค.61  เรามีอยู่  แต่แบงค์กลับบอกไม่ได้รับการชำระตั้งแต่ ม.ค.61 ดิฉันพูดอย่างไร เขาก็ไม่ฟังและเอาใบทวงหนี้ค่าบ้าน ยอด18,500 ล่าสุดให้มนชัยดู เขาบอก ขอ จม.ทวงหนี้ยอด18,500 นี้ไว้ ให้นายดูละกัน ผมจะหาทางคุยให้  รออีก3สัปดาห์จะติดต่อนายให้ นายไปต่างประเทศ และขอใบทวงหนี้ 18,500 นี้ไว้ก่อน  และ อีกสามสัปดาห์มาฟังผลจะคืนให้ ดิฉันให้เขาหาต้นขั่ว จม.ทวงหนี้ด้วย เพราะต้องการให้ทุกอย่างชัด เขาบอกอีก3สัปดาห์มาใหม่จะหาไว้ให้ ดิฉันขอใบทวงหนี้ซีล็อค มนชัยบอกว่า. เครื่องถ่ายเอกสารมีปัญหา เดี๋ยวจัดการถ่ายไว้ให้ ให้มารับอีก3สัปดาห์ทีเดียวเลย เพราะจะช่วยดึงบ้านกลับมาให้ แม้ตอนนี้ แบงค์จะขายทรัพย์ คือ บ้านคุณนวินดา ให้บริหารสินทรัพย์ เป็นหนี้เสียไปแล้ว ก็จะเจรจากับนายดึงเรื่องกลับให้ ปรากฏดิฉันเชื่อใจแบงค์ที่มนชัยพูดรับปากจะช่วย

3สัปดาห์ต่อมา...วันที่ 2 ต.ค.61 ดิฉันมาที่ แบงค์ ผม มนชัยอีกที แต่มนชัย บอกว่าผู้บริหารนายผมจะช่วยนะ แต่คุณนวินดา ต้องหา 90,000 บาทมา  เป็นค่าดอกเบี้ย  หามาให้ได้ แล้วจะทำเรื่องดึงกลับให้ ดิฉัน กลับไปให้90,000 โดยแบงค์ทำเอกสารให้ดิฉันเขียนว่า ให้หาเงิน90,000 มาให้แบงค์ ให้ได้เวลา ภายใน พ.ย.61 ต้องนำเงิน90,000 มา หากดิฉันหา 90,000 ไม่ได้ แบงค์คงต้องปฏิเสธการช่วยดึงบ้านกลับมาผ่อนที่...... ในที่สุดฉันหา 90,000 ไม่ได้ ในเดือนเศษ เพราะเพิ่งจัดคอนเสิร์ตฯเสร็จไป

แบงค์ยื่นเงื่อนไข ที่ลูกค้าอย่างดิฉันทำไม่ได้ แบงค์จึงได้ความชอบธรรมให้ดิฉันเป็นหนี้เสียและให้ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ที่ซื้อทรัพย์จากดิฉัน โทรมาหาดิฉันว่าจะปรับโครงสร้างหนี้ให้ดิฉันมาชำระ ยอดแรกก่อน ไปค่าระวางดอกเบี้ย  ให้ดิฉันหา250,000 บาท (หนักเข้าไปอีก)

บริษัทบริหารสินทรัพย์ให้ดิฉันหา250,000  ภายใน3 เดือน คือให้เวลาหาเงิน เดือน ธ.ค.61 /ม.ค.62 /  ก.พ.63 /  พอดิฉันหาไม่ได้ก็ไม่ปรับโครงสร้างหนี้ให้  และทำเรื่องฟ้อง บังคับคดียึดทรัพย์ดิฉัน ในวันที่ 23 มี.ค.62 และมีใบ จม.ให้ดิฉันไปขึ้นศาล ธัญญบุรี กลางเดือน ก.ค.62 ระหว่างนั้น ..

ระหว่างนั้น ดิฉันขอให้ สำนักนายกศูนย์ร้องทุกข์1111 ช่วยซึงศูนย์1111 ก็ช่วยได้แค่ให้คุยกับแบงค์ชาติ แบงค์ชาติแจ้งว่าคุยแล้วนะแต่ไม่สามารถดึงกลับได้ขายทรัพย์ไปแล้ว ให้ไปขอที่ศาลเลย และคุณมนชัย ไทยพาณิชย์และเจ้าหน้าที่บริหารสินทรัพย์ ชื่อมยุรา ก็ให้ไปที่ศาลเลย ดิฉันพยายามไปหาทนายอาสาด้วยก่อนถึงวันขึ้นศาลครั้งแรกในชีวิตปรากฏ...พอไปหาทนายอาสาหลายๆที่. ทนายบอกว่า เขาฟ้องมาแล้ว คงแก้ไขช่วยอะไรไม่ได้ต้องไปขึ้นศาลเอง ขอศาลเองเลย 
จนวันขึ้นศาล ก.ค.62 พอดิฉันมาถึง ทนายฝ่ายโจทก์ ให้ดิฉันเซ็นต์ทำยอมหน้าศาลไม่งั้นดิฉันจะขาดศาลเข้าศาลไม่ได้จะถูกฟ้องว่าเพิกเฉยได้ ดิฉันจึงยอมเซ็นต์ทำยอม เพราะคนถูกดำเนินคดี แบบดิฉัน ก็ถูกเซ็นต์ทำยอมทุกคน 

และพอดิฉันเข้าศาลไปคิดว่าจะคุยกับศาลได้ ต่อรองให้กลับไปผ่อนที่แบงค์เดิมได้ ด้วยความมั่นใจว่าเราถูก เราเป็นนักข่าว จะพูดเพื่อความถูกต้อง และแม้ในใบทำยอมให้เราหา250,000 เราก็จะหาทั้งที่รู้ว่าถูกเอาเปรียบไหนๆเรื่องก็มาขนาดนี้แล้ว...เวลานั้นเราคิดแบบนั้นว่า เจอหน้าผู้พิพากษาจะพูดแบบนี้ และจะขอผ่อนชำระ ยอด250,000 ในลักษณะ ขอผ่อนจ่าย50,000 จำนวน5 ครั้ง แต่ปรากฏไม่ได้รับความเมตตาจากฝ่ายโจทก์ คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ไม่ยอม...และยืนยันกับผู้พิพากษาว่าดิฉันต้องหายอดเต็ม250,000 มาจ่าย ให้เวลา3เดือนเศษ  จนเดือน พ.ย.64 ดิฉันหาเงินยอด 250,000 ไม่ได้.จนเดือน ธันวาคม 2562

ศาลตัดสินยึดทรัพย์ และถ้าไม่ให้ยึดทรัพย์ ต้องชำระยอดบ้านทั้งหมด รวมดอกเบี้ย12เปอร์เซ็นต์ คือ 2,865,000 บาท....และตลอดปี 63 โควิดมาพอดี ทำให้กรมบังคับคดี ยึดทรัพย์หยุดทำงาน 6 เดือนแรก  ทำให้เดือน พ.ย.63 โควิดรอบแรกเบาลง ทางบริหารสินทรัพย์  ทำเรื่องส่งหมายยึดทรัพย์ มีหมายมา  เริ่มเดินเรื่องบังคับคดี ธ.ค.63 และ ก.พ.64 ปิดหมายบังคับคดียึดทรัพย์ เม.ย.64 จม.แจ้งตารางขายทอดตลาด และ 12 พ.ค.64 ขายทอดตลาด นัดแรก โดยดิฉันไม่มีสิทธิ์หืออือใดๆ ร้องขอให้ ส.ส.หรือ ภาครัฐ หรือ 1111 ช่วยอีกครั้ง ศูนย์1111รับปากจะช่วยแต่เรื่องยังเงียบๆอยู่คงวุ่นๆกัน ดิฉันก็เข้าใจ 1111 อาจช่วยไม่ได้เพราะกฏหมายมันเดินไปแล้วศาลตัดสินมาแล้ว  และเมื่อเดือน ก.พ.64. แม่ดิฉันอายุ78ปี เพิ่งหายป่วยมะเร็งไทลอย แต่มีโรคประจำตัวเบาหวานความดัน เป็นลมเข้า รพ.บ่อยแม่เครียดมากและไม่อยากให้ดิฉันลำบากจึงแอบนั่งรถทัวร์ และติดต่อบ้านพักคนชรา เข้าไปอยู่บ้านคนชราต่างจังหวัดได้เดือนกว่าแล้ว ดิฉันจะไปรับ ก็ติดภาวะโควิด ไม่ให้ดิฉันเข้าไปรับแม่ได้ และแม่เมื่อเข้าไปแล้วตามกฏต้องอยู่ให้ครบเดือนก่อน และแม่มีกำหนดจะกลับออกมาได้ กลางเดือน พ.ค.64 แต่บ้านคนชราทราบเรื่องบ้านด้วยก็ได้ถามว่า ถ้าบ้านถูกยึดทรัพย์แล้ว ถ้าคุณแม่กลับมาจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีบ้านอยู่ 

สรุป ดิฉันพยายามหาทางออก พยายามอยากจะแถลงข่าวแต่ถูกห้ามมาตลอดว่าไม่ต้องจะหาทางช่วย คนนั้นคนนี้จะมาช่วยแต่ถูกหลอกหมดทวงเวลา และแบงค์ทำให้ดิฉันติดบูโร ทำให้รีไฟแนนซ์ไม่ได้ ทำให้เรื่องงานที่ดิฉันผลิตรายการร่วมกับ ททบ.5 สะดุดไปด้วย. และภาวะโควิด อุปสรรคสปอนเซอร์ไม่มีเช่นเดิม และจะถ่ายรายการก็ติดโควิดทำข่าวก็ไม่สะดวกเช่นเดิม ชีวิตยากลำบากลงไปจนตั้งรับไม่ทัน จึงขอความเห็นใจ ขอความช่วยเหลือ ภาครัฐ หรือทุกท่านในประเทศไทยผู้ใหญ่ใจดี  ช่วยซื้อบ้านดิฉัน ก่อนขายทอดตลาด ในราคา2,867,000บาท มีเวลาแค่ 10 กว่าวันสุดท้าย  ถ้าท่านใดมาซื้อบ้านไว้ราคานี้. และพอดิฉันไม่ติดบูโร ดิฉันจะมาไถ่ถอนคืน และแถลงข่าวขอบคุณ

และขอให้ความเป็นธรรมกับ คนไทยคนนึง สื่อมวลชนคนนึงที่ผลิตสื่อน้ำดีเพื่อคนดีมาตลอด และเป็นสื่อมวลชนและผู้ประกาศข่าวพิธีกรที่ทำงานซื่อสัตย์สุจริตอย่างพอเพียงมาตลอดและต้องดูแลแม่ด้วยตนเองเหมือนครอบครัวคนทำงานปกติ แต่ขอให้ผู้ใหญ่เช้คก็ไม่ได้ผลดังที่กล่าวมาข้างต้น ดิฉันจึงขอวอนท่านผู้ใจบุญผ่านสื่อมวลชน และขอเชิญพี่สื่อมวลชนแถลงข่าว เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องดังกล่าวที่ หมู่บ้านเดอะทรัสต์ หทัยราษฏร์ กาญจนาภิเษก ถนนหทัยราษฏร์ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 10250. ในเวลา 15.00 น.  ใช้เวลาแถลง ไม่เกิน1ชม.  

จึงขอเรียนเชิญท่านพี่น้องสื่อมวลชน ที่เคารพรักทุกท่าน มารับฟังการแถลงข่าวในวันอังคารที่ 27 เม.ย.64 เวลา 15.00 น. สุดท้ายนี้ กราบขอบพระคุณพี่ๆสื่อมวลชนที่เคารพรักทุกท่านค่ะ (และขอเรียนว่า การช่วยเรื่องดังกล่าวของพี่ๆสื่อ มิได้ช่วยเพียงดิฉัน แต่ยังจะได้ช่วยชาวบ้านประชาชนกว่า 60,000คน ต่อ1 วันที่ถูกยึดบ้าน แบบดิฉันแบบนี้. และทุกคนที่ถูกยึดบ้านคือคนไทยทำอาชีพสุจริตหาเช้ากินค่ำ บ้านดิฉันผ่อนมา ล้านกว่าบาท และดาวน์300,000 กว่า กลับมาถูกสถานการณ์ดังเล่าทั้งหมดนี้ทำให้ เป็นอัมพฤกในชีวิต ถูกติดบูโรล้มละลาย บางรายติดคุกเพราะหาเงินมาให้ด่วนๆกับกรมบังคับคดีไม่ได้ 

ขอให้พี่สื่อมวลชน. ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้เสียงดังไปถึงรัฐบาลช่วยเข้ามาดูหรือแก้ กฏหมายตรวจสอบการทำงาน และพ.ร.ก.บรรษัทบริหารสินทรัพย์ ที่ไม่ได้มีหน้าที่ฟ้องลูกหนี้แทนแบงค์ไทยพาณิชย์ตามกฏหมายฟ้องไม่ได้ ประชาชนเดือนละเกือบล้านคน ถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาดแบบดิฉันทุกวัน และถูกให้ล้มละลาย ทำธุกรรมทางการเงินไม่ได้อีกเลยตลอดไป แถมเงินผ่อนบ้านมาอย่างดี3-5ปีแรกต้องเป็นศูนย์ไปถูกขายทอดตลาดถูกเก็บดอกเบี้ยอีก และไปขายทรัพย์ลูดค้าที่ผ่อนอยู่โดยไม่แจ้งให้ลูกค้ารู้ตัวเลย คนไทยต้องถูกทำแบบนี้ และคนไทยทำให้คนไทยเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัยแบบนี้ได้อย่างไร 

ดิฉันขอความเป็นธรรมจากสังคมขอความช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรมและทางออกด้วยค่ะ  จึงขอฝากความหวังครั้งสุดท้ายไว้ที่พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านช่วยให้เรื่องราวดิฉันถึงผู้ใหญ่ใจดีหรือภาครัฐหาทางออกช่วยดิฉันกับคุณแม่ด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณพี่สื่อมวลชนที่เคารพรักทุกท่าน และผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านด้วยค่ะ

 

ขอบคุณ นวินดา บริบูรณ์