เคล็ดลับทำความสะอาดผ้าม่านให้หอมเหมือนใหม่ในไม่กี่ขั้นตอน

ผ้าม่านอาจดูสะอาดแต่เต็มไปด้วยฝุ่น กลิ่นอับ และสารก่อภูมิแพ้ซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว มาดูเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ผ้าม่านหอมสะอาดเหมือนใหม่โดยไม่ต้องถอดออกจากราง
ผ้าม่านดูสะอาดแต่ไม่จริง!
รู้หรือไม่ว่า “ผ้าม่าน” เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและกลิ่นอับที่เราอาจมองข้าม โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ หรือมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน ฝุ่นละอองและกลิ่นต่าง ๆ จะจับตัวอยู่ตามเนื้อผ้า ส่งผลให้บรรยากาศในบ้านอับชื้นและอาจกระตุ้นอาการภูมิแพ้โดยไม่รู้ตัว
แต่ไม่ต้องกังวล — เพราะคุณสามารถทำความสะอาดผ้าม่านให้ดูใหม่ หอมสดชื่นได้ โดยไม่ต้องถอดออกจากราง ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. ดูดฝุ่นด้วยหัวแปรงนุ่ม
ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวแปรงนุ่ม ดูดจากด้านบนลงล่างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะบริเวณหัวรางและชายล่างของผ้าม่าน ซึ่งเป็นจุดที่ฝุ่นมักสะสมมากที่สุด
การใช้หัวแปรงแบบนุ่มจะช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อผ้าเสียหายหรือเป็นรอย
2. เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ
ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ต่อน้ำ 3 ส่วน แล้วใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำให้หมาด ๆ ก่อนนำไปเช็ดผ้าม่านเบา ๆ ทั่วทั้งผืน
น้ำส้มสายชูจะช่วยฆ่าเชื้อ ลดกลิ่นอับ และไม่ทิ้งคราบเหนียว ช่วยให้ผ้าม่านสะอาดอย่างเป็นธรรมชาติ
3. ฉีดสเปรย์น้ำหอมสำหรับผ้า
เลือกสเปรย์สูตรอ่อนโยน เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัส หรือฝ้ายขาว ฉีดให้ทั่วผ้าม่านในปริมาณที่พอเหมาะ
นอกจากช่วยดับกลิ่นอับ ยังทำให้ห้องหอมสดชื่นราวกับเพิ่งซักผ้าม่านใหม่
4. ใช้พัดลมเป่าลมเย็นให้แห้ง
หลังจากเช็ดหรือฉีดสเปรย์เสร็จ ควรเปิดพัดลมเบา ๆ เป่าผ้าม่านให้แห้งทั่วถึง
ช่วยลดความชื้นสะสมในเนื้อผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์
เคล็ดลับให้ผ้าม่านดูใหม่อยู่เสมอ
- เปิดหน้าต่างให้แสงแดดเข้ามาอย่างน้อยวันละ 15 นาที
- ซักผ้าม่านเต็มรูปแบบทุก 6 เดือนถึง 1 ปี
- หมั่นดูดฝุ่นและฉีดสเปรย์ทุกสัปดาห์
เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ผ้าม่านของคุณ “สะอาด หอมสดชื่น และยืดอายุการใช้งาน” ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและแรงในการถอดซัก
แหล่งที่มาอ้างอิง
ข้อมูลจาก กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เรื่องการดูแลความสะอาดในบ้านเพื่อลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้