กรมขนส่งทางบกฯ ปรับลดภาษีประจำปีรถEV ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 10 พ.ย. 2568

14 มีนาคม 2567

กรมขนส่งทางบกเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าEV เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากเดิมวันที่ 30 ก.ย. 2568 เป็นวันที่ 10 พ.ย. 2568

กรมขนส่งทางบกฯ ปรับลดภาษีประจำปีรถEV ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 10 พ.ย. 2568 

กรมขนส่งทางบกฯ ปรับลดภาษีประจำปีรถEV ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 10 พ.ย. 2568

จากสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าEVตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2566 - มกราคม 2567) มีจำนวน 48,096 คัน เมื่อเทียบกับจำนวนการจดทะเบียนฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีจำนวน 11,340 คัน

 

 

ประกอบกับทางกรมการขนส่งทางบกเอง มีความเป็นกังวลกับสถานการณ์ของมลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เรากำลังเผชิญกันอยู่นั้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและสุขภาพของประชาชน จึงอยากออกมาเชิญชวนให้หันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การออกมาส่งเสริมนี้ออกมาเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการดำเนินมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

กรมขนส่งทางบกฯ ปรับลดภาษีประจำปีรถEV ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 10 พ.ย. 2568

ซึ่งมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จากเดิมมีผลจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2568 ขยายเวลาเพิ่มให้ถึงวันที่ 10 พ.ย. 2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้

รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท 
รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท 

กรมขนส่งทางบกฯ ปรับลดภาษีประจำปีรถEV ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 10 พ.ย. 2568
มาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องการลดมลพิษทางอากาศโดยการใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่งด้วย