เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

09 มิถุนายน 2565

เงาะโรงเรียน เงาะผลไม้ขึ้นชื่อและเป็นเงาะที่พันธุ์ดีที่สุดในประเทศไทย เงาะพันธุ์โรงเรียนจึงถือเป็นที่นิยมของเกษตรกร เพราะสามารถขายได้ในราคาที่ดีทั้งแบบส่งออกและแบบรับซื้อ

เงาะ  เป็นไม้ผลเมืองร้อนโดยทั่วไปเงาะเป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตได้ดี ในบริเวณที่มีความชื้นค่อนข้างสูง เงาะในประเทศไทย จึงนิยมปลูกในบริเวณภาค ตะวันออกและภาคใต้ อาทิ เงาะพันธุ์สีทอง เงาะพันธุ์น้ำตาลกรวด เงาะพันธุ์สีชมพู เงาะพันธุ์โรงเรียน และเงาะพันธุ์เจ๊ะมง เป็นต้น แต่พันธุ์เงาะที่นิยมปลูกเป็นการค้า มีแค่ 3 พันธุ์ คือ พันธุ์โรงเรียน พันธุ์สีทอง และพันธุ์สีชมพูค่ะ

เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

ขั้นตอนการปลูกเงาะ

1. พันธุ์เงาะ 

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

เลือกใช้พันธุ์ที่มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของตลาด หรือ พันธุ์การค้า เช่น พันธุ์โรงเรียน

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

นิยมปลูกพันธุ์โรงเรียน

การลดต้นทุน

  • เลือกต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์ไม่แคระแกน หรือ เป็นโรค
  • ใช้ต้นพันธุ์ที่ดีของตัวเอง โดยการขยายพันธุ์ใช้เอง

2. พื้นที่ปลูกเงาะ

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

  • สภาพพื้นดิน ดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี มีอินทรียวิตถุมาก ความเป็นกรดด่าง 5.5 - 7.0 หน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร
  • สภาพภูมิอากาศ มีความชื้นสัมพันธ์ในอากาศสูง การกระจายตัวของฝนดีไม่ต่ำกว่า 1,500 มิลลิเมตรต่อปี

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

ปลูกตามพื่นที่ที่มีอยู่โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ไม่พิจารณาถึงต้นทุนหรือปัจจัยที่เพิ่มขึ้น

การลดต้นทุน

ใช้พื้นที่ที่ให้เหมาะสมกับความต้องการของพืชและศักยภาพการผลิตที่เหมาะสม ลดต้นทุนประมาณ 40 %

3. การเตรียมพื้นที่ปลูกเงาะ

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

ควรเตรียมพื้นที่ปลูกในฤดูแล้ง เพราะสามารถปลูกได้ทันทีตั้งแต่ต้นฤดูฝน โดยไถกำจัดวัชพืชตลอดจนตอไม้และไม้ยืนต้นอื่นๆ ออกให้หมด ไถพรวนปรับพื้นที่ให้เรียบ

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

ปลูกตามพื้นที่ที่มีอยู่

การลดต้นทุน

  • การเตรียมพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ลดปัญหาสภาพแปลง ป้องกันน้ำท่วมขังและโรคที่จะตามมา
  • เก็บตัวอย่างดินวิเคราะห์และประเมินความอุดมสมบูรณ์ดินก่อนปลูก

เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

4. การปลูกเงาะ

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

  • การวางผังปลูก เนื่องจากเงาะมีทรงพุ่มกว้างและออกดอกที่ปลายพุ่ม จึงจำเป็นต้องปลูกให้มีระยะ ระหว่างต้นและแถว ค่อนข้างกว้าง ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 8x8 เมตร หรือ 10x10 เมตร (ใน 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 16-20 ต้น)
  • วิธีการปลูก ควรปลูกต้นฤดูฝน หลุมปลูกขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ควรมีการพรางแสงแดดให้กับต้นเงาะ อาจใช้ทางมะพร้าว หรือปลูกพืชแซม เช่น กล้วย มะละกอ

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

นิยมปลูกแบบสีเหลี่ยมจัตุรัส

การลดต้นทุน

  • ใช้ระยะปลูกและวิธีปลูกที่เหมาะสมทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติงานในสวน ลดปัญหาสภาพแปลง ให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ
  • การปลูกพืชแชมในช่วงเริ่มต้นที่เงาะ ยังไม่ให้ผลผลิต นอกจากช่วยพรางแสงแล้วยังก่อให้เกิดรายได้เสริมจากการขายผลผลิตพืชแซมด้วย

เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

5. การใส่ปุ๋ย

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

  • ควรเก็บตัวอย่างดินและตัวอย่างใบเพื่อวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารและใส่ปุ๋ยให้สอดคล้องกับค่าวิเคราะห์ดินและใบ
  • การใส่ปุ๋ยตาม GAP (แผนควบคุม)
  • ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพ

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

  • ไม่มีการวิเคราะห์ดิน
  • ใส่ปุ๋ยมากเกินความจำเป็น

การลดต้นทุน

  • ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและค่าวิเคราะห์พืช ลดต้นทุนปุ๋ย 20-40%
  • ผสมปุ๋ยใช้เองลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีได้ 30-50%
  • ให้ปุ๋ยทางระบบน้ำ ลดต้นทุนการใช้แรงงาน 10-15%

6. การให้น้ำ

คำแนะนำกรมวิชาการเกษตร

ให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของเงาะในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต ดังนี้

  • ช่วงเริ่มปลูก : ให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง

ช่วงระยะใกล้ออกดอก ให้น้ำน้อยจนถึงงดน้ำในบางช่วงเพื่อป้องกันการแตกใบอ่อน เมื่อช่อดอกแทงออกมาระยะหนึ่ง จะให้น้ำประมาณ 1 ใน 3 ของการให้น้ำปกติและเพิ่มปริมาณเรื่อยๆ จนกระทั่งดอกเริ่มบานและติดผล ช่วงการเจริญของผล ให้น้ำในอัตรา 80% ของการให้น้ำปกติเมื่อผลเงาะอายุ 1-5 สัปดาห์หลังดอกบาน และเพิ่มเป็น 85% ของการให้น้ำปกติเมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์หลังดอกบานจนกระทั่งเก็บเกี่ยว

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

  • ให้น้ำตามร่อง หรือสายยางรดน้ำ
  • ให้น้ำโดยไม่พิจารณาความจำเป็นในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต

การลดต้นทุน

ใช้ระบบการให้น้ำแบบหัวเหวี่ยงเล็กช่วยประหยัดน้ำและลดต้นทุนค่าจ้างแรงงาน

เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

8. การเก็บเกี่ยว และ การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว

  • อายุการเก็บเกี่ยวเงาะ หลังจากดอกบานประมาณ 3 - 4 เดือนหรือประมาณ 90 - 120 วัน โดยผลเงาะจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงหรือชมพู
  • การเก็บเกี่ยวควรใช้กรรไกรที่คม ตัดช่อผลออกมา ไม่ควรหักกิ่งเพราะจะทำให้กิ่งช้ำมาก และไม่ควรให้เงาะตกถึงพื้น เพราะจะทำให้ขนช้ำ เหี่ยวแห้งง่าย อาจจะเก็บเกี่ยวแบบปลิดเฉพาะผลใส่เข่งเพื่อขายส่ง หรืออาจจะเก็บมาทั้งพวงเพื่อมามัดจำหน่ายในการขายปลีกก็ได้
  • เลือกแรงงานที่มีความชำนาญในการเก็บเกี่ยว
  • มีสถานที่เหมาะสมสำหรับคัดแยกผลผลิตคุณภาพ และมีแผนการนำผลผลิตด้อยคุณภาพไปใช้ประโยชน์

วิธีปฏิบัติโดยทั่วไป

  • ใช้กรรไกรตัดช่อผล หากช่ออยู่สูงใช้การปีนต้นหรือปืนบันไดตัดใส่เข่งหรือตะกร้าบางรายตัดช่อเงาะหลุดจากต้นลงมากระทบพื้น ซึ่งส่งผลเสียหายต่อผลผลิต

การลดต้นทุน

  • มีการควบคุมทรงพุ่ม รวมทั้งการควบคุมให้ออกดอกพร้อมกัน เพื่อสะดวกในการจัดการเก็บเกี่ยว และลดการใช้แรงงาน
  • ลดการสูญเสียของผลผลิตไม่ให้เกิน10% ต่อการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้ง เพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • การเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยการตัดใส่ตะกร้า ช่วยลดความเสียหายต่อผลผลิตดีกว่าการตัดผลร่วงกระทบพื้น ช่วยเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ

เปิดเคล็ดลับลดต้นทุน วิธีปลูก "เงาะโรงเรียน" ให้ได้ผลดก สร้างกำไรดี

ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันวิจัยพืชสวนกรมวิชาการเกษตร

สนับสนุนโดย : ปุ๋ยทิพย์

ปุ๋ยทิพย์