เปิดตำนาน จิ้งจอกเก้าหาง กับ ความเชื่อใน 4 แผ่นดิน

20 กุมภาพันธ์ 2565

จิ้งจอกเก้าหาง คุณเคยได้ยินชื่อของ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง กันมาแล้วอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาไป่รู้จักตำนานจิ้งจอกเก้าหาง มีนิสัยอย่างไร

จิ้งจอกเก้าหาง เมื่อพูดถึง ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง หลายคนอาจนึกถึง ปีศาจที่นำพาความชั่วร้าย หรือ ปีศาจจอมยั่วยวน สะกดผู้คนให้หลงในมนตร์สะกด ซึ่งบอกได้ว่า เป็นตำนานคลาสสิกมาก แต่เบื้องหลังเจ้า ปีศาจจิ้งจอก นี้ ยังมีความลับเก็บงำไว้มากมาย ซึ่งแตกต่างกันอย่างไร ต้องย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิดของจิ้งจอกเก้าหางกันก่อนคะ

จิ้งจอกเก้าหาง

จิ้งจอกเก้าหาง ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่เกาหลี 

ในตำนานปรัมปราของทางเกาหลีได้กล่าวถึงปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งที่มีนามว่า “กูมิโฮ” (구미호) ปีศาจจิ้งจอกที่มีหางทั้งเก้า ที่มีมนต์คาถาสามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้  ซึ่งร่างที่กูมิโฮแปลงกายเพื่อใช้ล่อหลอกคือ “ร่างของหญิงสาวผู้งดงาม”

กูมิโฮมีความปรารถนาในการ “เป็นมนุษย์อย่างแท้จริง” โดยมีเงื่อนไขในการเป็นมนุษย์คือ “ต้องกินหัวใจหรือตับของมนุษย์ให้ครบทั้งหนึ่งร้อยคน” ดังนั้น กูมิโฮจึงได้ทำการสังหารเหยื่อที่เป็นผู้ชายเพื่อกินหัวใจ  โดยการแปลงร่างเป็นหญิงสาวงามสะพรั่ง คนแล้วคนเล่ามาจึงถึงคนที่หนึ่งร้อย

แต่ผู้ชายคนที่หนึ่งร้อยนั้นกลับกลายเป็น “รักแรก” ของกูมิโฮที่ได้มอบ “หัวใจอันบริสุทธิ์” ของตนเองแก่ผู้ชายคนนั้นจนรอดพ้นจากการเป็นเหยื่อ กูมิโฮเลือกที่จะ “รัก” มากกว่าการเป็นมนุษย์  แม้ว่าจะไม่สมหวังในความรักนั้นก็ตามที 

กูมิโฮอาจจะเป็นปีศาจที่สื่อให้เห็นถึง “หญิงสาวที่เลือกความรักอันบริสุทธิ์” ได้นั่นเอง

จิ้งจอกเก้าหางในตำนานของประเทศญี่ปุ่น

จิ้งจอกเก้าหาง ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่อินเดีย 

กล่าวกันว่าประเทศอินเดียเป็นประเทศแรกที่ได้ปรากฏตัวของปีศาจตนนี้  เกิดขึ้นในสมัยอินเดียโบราณ  ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ได้จำแลงกายเป็นสาวงามจนไปต้องตาขององค์ชายแห่งราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศอินเดียเข้า องค์ชายจึงได้นำทรัพย์สินอันมีค่าเกินประมาณมาสู่ขอนางเพื่อไปเป็นนางสนมเคียงกาย 

แล้วเมื่อปีศาจจิ้งจอกได้เข้าสู่วังหลวงในฐานะนางสนม องค์ชายซึ่งจากที่เคยเป็นคนเอาการเอางานแทนพระบิดาก็กลายเป็นผู้มักมากในกาม เอาแต่ลุ่มหลงในความใคร่ไม่เป็นว่าราชการ กระทั่งละเลยพระคู่หมั้นที่กำลังจะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสในอีกไม่นานนัก อีกทั้งยังมีร่างกายทรุดโทรมราวกับถูกมนต์บางอย่างครอบงำอยู่ 

ด้วยเหตุผิดปกตินี้ ทำให้พระราชาผู้เป็นพระบิดาจึงได้สั่งให้โหรหลวงทำนายดวงชะตาขององค์ชาย แต่ปีศาจจิ้งจอกได้ไหวตัวทัน มันจึงได้เป่าหูด้วยมนต์คาถาให้องค์ชายทำการปิตุฆาตพระราชาเสีย องค์ชายที่ไม่อาจจะควบคุมสามัญสำนึกใดๆ ได้ ก็ได้กระทำการอันร้ายแรงนั้นลง องค์ชายได้ลอบเข้าไปสังหารพระบิดาถึงในห้องนอนแต่ผิดพลาดตรงที่ฝ่ายพระราชารู้ตัวทัน

จึงได้สั่งให้เหล่านักบวชผู้แข็งกล้าในวิชาเข้าจัดการปีศาจจิ้งจอก โดยมนต์คาถาและนำเอาสุนัขบ้านจำนวนหนึ่ง ซึ่งสุนัขบ้านถือว่าเป็นสัตว์คู่ปรปักษ์ต่อปีศาจจิ้งจอกมาร่วมประกอบพิธีจัดการมัน ในขณะที่มนต์คาถาของปีศาจจิ้งจอกเสื่อมถอยลง มันได้หลบหนีด้วยการเผยร่างที่แท้จริงให้ได้เห็น

ร่างของจิ้งจอกขนสีทองขนาดมหึมาที่มีหางทั้งเก้าชูชันอยู่เหนือท้องฟ้า ซึ่งเป็นร่างที่แท้จริงของปีศาจตนนี้ ก่อนที่มันจะเหาะหายไป และไม่มีใครได้เห็นมันอีกเลย เรื่องราวจบลงตรงที่องค์ชายและราชวงศ์อินเดียโบราณรอดพ้นจากมนต์ร้ายของปีศาจตนนี้ กลายเป็นเรื่องเล่าที่มีการสืบทอดกล่าวถึงกันมา

ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่อินเดีย

จิ้งจอกเก้าหาง ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่จีน

ในพงศาวดารของจีนชื่อว่า “ฮ่องสิน”  หรือ “ห้องสิน” ที่ได้กล่าวถึงปีศาจจิ้งจอกตนนี้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซาง เมื่อ “พระเจ้าอินโจว” หรือ “โจ้วหวาง” องค์ชายแห่งราชวงศ์ซาง ต้องการหานางสนมคู่กายที่มีหน้าตาเหมือนกับ “เจ้าแม่หนี่วา” นางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ จนกระทั่งมาถูกพระทัยกับหญิงสาวนางหนึ่งที่ชื่อ “ต๋าจี่” (妲己) ที่งดงามราวกับเป็นเทพธิดาโดยต๋าจี่นั้นเดิมทีเป็นลูกสาวของเศรษฐีที่ชื่อ “ซูฮู่” แต่โชคร้ายที่เธอถูก “ปีศาจจิ้งจอก” ฆ่าตายแล้วโดนสิงร่างสวมรอยแทน

ปีศาจจิ้งจอกในร่างของต๋าจี่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนางสนมเอก คอยปรนนิบัติในทางกามอารมณ์จนทำให้พระเจ้าอินโจวไม่เป็นอันว่าราชการ คอยประจบเอาไว้แล้วเป่าหูต่างๆ นานา สั่งให้มีงานเลี้ยงในวังหลวงทุกวัน สั่งให้สร้างหอคอยสอยดาว โดยเอาเงินจากการขูดรีดภาษีประชาชน จนเกิดความอดอยากไปทั่วแผ่นดิน ทั้งยังเกณฑ์ประชาชนมาเป็นคนงานในการสร้างหอคอยสอยดาว จนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และหากมีขุนนางคนใดคัดค้านก็ถูกต๋าจี่ทูลให้พระเจ้าอินโจวประหารเสียทุกราย

ร้อนถึงแดนสวรรค์ได้มีบัญชาจากสรวงสวรรค์ให้ “เจียงจื่อหยา” (封神演義) ผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญตนบน เขาคุนหลุน ลงไปปราบเจ้าปีศาจร้ายตนนี้แล้วช่วยแผ่นดินราชวงศ์ซาง ทว่าการปราบต๋าจี่กลายเป็นการนำมาซึ่งการต่อสู้และความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และเทพบนสรวงสวรรค์ครั้งใหญ่ที่สุด 

สงครามของฝั่งมนุษย์นำโดยเจียงจื่อหยาที่มี “นาจา” เป็นศิษย์เอก  รวมถึงอดีตขุนนาง “จีซาง” อดีตเจ้าเมืองที่เป็นขุนนางราชวงศ์ซาง ที่ถูกต๋าจี่เล่นเกมการเมืองจนต้องสูญเสียตำแหน่งไป ที่รวบรวมเอาขุนศึกมากมายเข้าก่อการปฏิวัติต่อพระเจ้าอินโจว ซึ่งฝ่ายของพระเจ้าอินโจวนั้นมีต๋าจี่คอยชักนำรวมไปถึงเหล่าขุนนางที่ฝักใฝ่ในลาภยศมากกว่าความทุกข์ยากของแผ่นดิน 

สงครามของฝ่ายเทพนั้น เนื่องจากต๋าจี่มีเทพเป็นพรรคพวกมากมาย แต่ความร้ายกาจของต๋าจี่ทำให้เทพฝ่ายหนึ่งไม่อาจปล่อยนางไปได้ จนสงครามในครั้งนั้นเกิดความสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก

เรื่องราวจบลงต้องที่ต๋าจี่ได้หลบหนีไปจากประเทศจีน  ส่วนพระเจ้าอินโจวได้สูญเสียอำนาจลง  รวมถึงรู้สึกสำนึกผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาก่อนจะทำการปลิดชีพลงด้วยการเผาตัวตายที่หอคอยสอยดาว ราชวงศ์ซางจึงได้ถึงคราวสิ้นสุดลง ก่อนที่จะมีการสถาปนา “ราชวงศ์โจว” หรือ “ราชวงศ์จิว” ในราชสมัยถัดมา

สาเหตุที่ปีศาจจิ้งจอกได้ทำให้บ้านเมืองในราชสมัยราชวงศ์ซางเสื่อมลงได้ถึงนานนี้ สืบเนื่องเกิดจากครั้งหนึ่งพระเจ้าอินโจวเคยได้ไปล่วงเกินเจ้าแม่หนี่วา ด้วยการเขียนข้อความเชิงลบลู่ลามก ในระหว่างที่ไปทำการสักการะที่วัดแห่งหนึ่ง ทำให้เจ้าแม่หวี่วาได้ส่งปีศาจจิ้งจอกตนนี้ รวมไปถึงปีศาจอีกสองตนอย่าง “ไก่ฟ้าเก้าเศียร” และ “ปีศาจพิณหยก” มาเพื่อสังหารพระเจ้าอินโจวจนกลายเป็นสาเหตุทำให้บ้านเมืองเกิดวิปโยค และพระเจ้าอินโจวได้กลายเป็นทรราชย์ที่ถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ของจีน

แต่ข้อมูลนี้นักวิชาการยังไม่ยืนยันว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ รวมไปถึงเรื่องราวของต๋าจี่ด้วย 

ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่จีน

จิ้งจอกเก้าหาง ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่ญี่ปุ่น

ตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหางของประเทศญี่ปุ่น ที่ว่ากันว่าเป็นแหล่งพำนักสุดท้าย ว่ากันว่ามันได้หลบหนีมาจากทางประเทศจีนเข้ามาในช่วงสมัยเฮอัน ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ “จักรพรรดิโทบะ”  ปีศาจจิ้งจอกได้จำแลงร่างเป็นหญิงสาวผู้งดงามเหมือนเช่นที่เคยกระทำมาในช่วงที่เคยอยู่ในประเทศอินเดียและจีน  โดยครั้งนี้ได้ใช้ชื่อว่า “ทามาโมะ โนะ มาเอะ” (玉藻前)

แน่นอนว่าความงดงามของมันได้ไปต้องตาของจักรพรรดิโทบะ จนได้พามาเข้าวังหลวงและแต่งตั้งให้เป็นนางสนมเอกเคียงกาย ว่ากันว่าปีศาจจิ้งจอกในชื่อทามาโมะ โนะ มาเอะตนนี้งดงามราวกับมิใช่มนุษย์  มีกลิ่นหอมหวานราวกับกลีบดอกซากุระลอยรอบตัว ซึ่งเป็นมนต์คาถาอันทำให้จักรพรรดิโทบะลุ่มหลงจนไม่เป็นอันว่าราชการกิจแผ่นดิน ทั้งยังทำให้ร่างกายของจักรพรรดิโทบะทรุดโทรมลงราวกับถูกสูบพลังวิญญาณไป 

ความผิดปกตินี้ทำให้เหล่านักขมังเวทย์จากหอองเมียวจิต้องเข้ามาหาสาเหตุและพบว่ามีความชั่วร้ายของปีศาจสิงสู่อยู่ในวังหลวง ซึ่งมาจากนางสนมทามาโมะ โนะ มาเอะ ในขณะที่ทำการจับกุม ทามาโมะ โนะ มาเอะได้กลายร่างแท้จริงเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางขนาดใหญ่หลบหนีไป การไล่ล่าของเหล่าทหารหลวงมาจนถึงที่ราบสูงนาสุ และเกิดการต่อสู้ขึ้น จนท้ายที่สุดแล้ว มันก็ถูกสยบลงจนในที่สุด ร่างของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้กลายเป็นก้อนหินที่ชื่อ “เซ็ตโซเซกิ” (殺生石) แปลเป็นไทยได้ว่า “ศิลาสังหาร” ซึ่งได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นในยุคนี้

ตำนานจิ้งจอกเก้าหางที่ญี่ปุ่น

บทความนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ขอบคุณที่มาจาก : the-nine-tailed-fox-spirit ภาพจาก : โซเชียลมีเดีย