Pet พาเพลินพาเยี่ยม "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

22 พฤศจิกายน 2564

รายการ Pet พาเพลินพาเยี่ยมชมและพูดคุยกับผู้ก่อตั้งมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 รายการ Pet พาเพลิน ตอน "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ" พาไปเยี่ยมชมน้องหมา-น้องแมว ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) สาขาบางเลน จ.นครปฐม ซึ่งมีคุณพิมพ์กุล โอฬารศิรโรจน์ เป็นประธานมูลนิธิและผู้ก่อตั้ง 

ซึ่งในวันที่ทางรายการเข้าไปเยี่ยมชมได้มีคุณพิมพ์กุล โอฬารศิรโรจน์ เป็นประธานมูลนิธิและผู้ก่อตั้ง และคุณครรชิต วาพิไล ผู้ช่วยผู้จัดการมูลนิธิและการเงิน ออกมาให้การต้อนรับทางรายการ

 

Pet พาเพลินพาเยี่ยม มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ

คุณพิมพ์กุลเล่าถึงการก่อตั้งมูลนิธิว่า แต่เดิมคุณพิมพ์กุลเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เมื่อก่อนเวลาไป-กลับจากทำงานก็จะเห็นพวกหมาจรจัดและแมวจรจัดจำนวนมาก บางตัวก็พิการ แมวยังไม่เท่าไหร่แต่หมาจะเห็นชัดว่าเวลาเดินเขาจะลากขาไปคุ้ยกองขยะ ก็เกิดความสงสาร แต่ตอนแรกก็ยังไม่ได้ทำอะไร จนเห็นมาเรื่อยๆนานๆเข้าก็เลยลองไปสังเกตดูว่าในกองขยะที่ไปคุ้ยเขี่ยกันอยู่นั้นได้อะไรมากินบ้างไหม แต่ก็ไม่ได้ มีแค่กองขยะเศษขยะ ก็เลยเริ่มซื้อข้าวมาคลุกให้ จากนั้นก็เริ่มต้นให้อาหารหมาตามข้างทาง จนกระทั่งวันหนึ่งเริ่มคิดว่ามาตระเวนให้แบบนี้คงไม่ไหว จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณพิมพ์กุลเริ่มเก็บสุนัขจรจัดเข้ามาเลี้ยงในบ้าน และค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดสินใจลาออกมาเลี้ยงหมา ไม่สอนหนังสือแล้ว และตั้งเป็นมูลนิธิขึ้นมา

 

คุณพิมพ์กุล โอฬารศิรโรจน์ เป็นประธานมูลนิธิและผู้ก่อตั้ง มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ

 

คุณพิมพ์กุลตอนแรกตั้งเป็นบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการก่อน มีสุนัขประมาณ 150 ตัว พอเยอะขึ้นก็เริ่มห่วงว่าหากตัวเองเป็นอะไรไปใครจะดูแลพวกสุนัขเหล่านี้ต่อจึงตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อให้มีคณะกรรมการ ช่วยกันดูแลและออกความคิด จึงเป็นจุดเริ่มต้น

 

Pet พาเพลิน ตอน บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ

 

แรกเริ่มมาจากการเก็บตามข้างทางมาเลี้ยง ทั้งหมาและแมว เก็บมาเรื่อยๆจนไม่ได้สนใจเรื่องจำนวน กระทั่งเริ่มมีชื่อเสียง มีรายการโทรทัศน์มาถ่ายทำและออกข่าว จากนั้นก็กลายเป็นว่าเริ่มมีคนนำสุนัขมาปล่อยเอง คนไปเจอมาอยากจะช่วยก็ติดต่อมาให้ช่วยรับไว้ จนจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จึงต้องจัดระบบการบริหารจนเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น 

 

พาเยี่ยม"บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

ปัจจุบันมีสุนัขประมาณ 700 ตัว ซึ่งอยู่ที่สาขานครปฐม แต่ก็ยังมีอีกกว่า 60 ตัวที่ป่วยและต้องอยู่ใกล้ชิดกับหมออยู่ที่สาขาปากเกร็ด ส่วนแมวที่ป่วยและอยู่ที่สาขาปากเกร็ดมีกว่า 90 ตัว และที่แข็งแรงแล้วอีก 100 กว่าตัว รวมๆแล้วทางมูลนิธิได้อุปการะสัตว์จรจัดทั้งหมดประมาณ 1,200 ตัว

คุณพิมพ์กุลเล่ากับรายการ Pet พาเพลิน ต่อว่าเดิมทีสัตว์ทั้งหมดอยู่ที่สาขาปากเกร็ด แต่มีนักธุรกิจเริ่มเข้ามาสร้างคอนโดมิเนียม จึงทำให้เป็นการรบกวนทั้งเรื่องเสียงและกลิ่น ทางคอนโดจึงเริ่มไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม เทศบาล สาธารณสุข จึงได้มาปรึกษาหาทางออกกัน แต่ก่อนหน้านั้นทางมูลนิธิคิดมาเสมอว่าวันหนึ่งก็ต้องย้าย เพราะความเจริญจะต้องเข้ามา เมื่อมาคุยกันจึงตัดสินใจว่าจะย้าย แต่ติดปัญหาเรื่องสัตว์ที่ป่วย เพราะหากยายมาที่สาขาบางเลนหมดจะกลายเป็นว่าอยู่ห่างไกลหมอ เพราะหมอจะเข้ามาไม่ถึง จะอุ้มสัตว์ไปหาหมอก็ไกลและลำบาก จึงหาทางออกกันคนละครึ่ง ทางคู่กรณียอมให้พวกสัตว์ที่ป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะต้องแอดมิทอยู่ที่สาขาปากเกร็ด แต่ส่วนที่พอจะแข็งแรงช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะย้ายมาอยู่ที่สาขาบางเลน 

 

 รายการ Pet พาเพลิน ตอน "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

 

ส่วนเรื่องรายได้ของทางมูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการนั้นได้มาจากหลายทาง และยังได้รับความช่วยเหลือจาก"หลวงตามหาบัว" ซึ่งได้เห็นข่าวจากทางหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้หลวงตาก็เคยเดินทางมาเยี่ยมที่มูลนิธิด้วย ซึ่งตอนแรกทางคุณพิมพ์กุลก็ไม่รู้จักหลวงตา แต่อยู่ๆก็มีลูกศิษย์มาบอกว่าหลวงตามหาบัวจะมาเยี่ยม ตอนนั้น "ต้องกราบขออภัยจริงๆ ตอนนั้นก้มหน้าก้มตาเลี้ยงแต่หมาไม่ได้ดูข่าวไม่รู้จักหลวงตามหาบัวเลย แต่ก็ทำการต้อนรับท่านอย่างดี" จนมารู้ตอนหลังว่าท่านเป็นพระเกจิที่มีบารมีสูงมาก ซึ่งท่านเห็นคุณพิมพ์กุลในญาณ ท่านบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่ช่วยจะเป็นบ้า 

 

 รายการ Pet พาเพลิน ตอน "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

 

ตอนหลวงตามาก็เดินแผ่เมตตาเข้าไปในโซนสัตว์ และที่น่าแปลกคือสัตว์ไม่เห่าหลวงตาเลยมีเพียงส่งเสียงร้องเบาๆและกระดิกหางเท่านั้น และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าให้ช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ต่อไป อีกทั้งยังเมตตามอบเงินช่วยเหลือมูลนิธิเดือนละ 100,000 บาททุกเดือน จึงอุ่นใจว่าเราอยู่รอดแน่เพราะยังมีเงินบริจาคจากประชาชน มีการออกบูธตามงานขายสินค้าของทางมูลนิธิเพื่อเป็นรายได้เข้ามาดูแลสัตว์ "กำไรที่ได้ลงที่น้องหมาหมด"

และล่าสุดยังมีการตั้งคาเฟ่ของทางมูลนิธิเพื่อเพิ่มรายได้ให้ลูกค้า มีคาเฟ่แมว อาหารจานเดียวขายเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งรายได้จากร้านกาแฟทั้งหมดจะเก็บเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสุนัขและแมว

ส่วนของการหาบ้านนั้นก็จะมีการแชร์ผ่านหน้าเพจเป็นลูกหมาลูกแมวที่มีคนเจอและฝากทางมูลนิธิช่วยหาบ้านให้ เพราะส่วนใหญ่สัตว์ของทางมูลนิธิเป็นสัตว์ป่วยสัตว์พิการที่รักษาหายแล้วแต่ยังไม่แข็งแรงพอ หากรับไปก็อาจจะลำบาก แต่ก็เคยมีที่อยากได้จริงๆก็ยอมให้ แต่ย้ำเสมอว่าหากรับไปแล้วมีปัญหาให้ส่งคืนให้กับมูลนิธิ อย่าเอาไปปล่อย ทางมูลนิธิจะรับคืนเอง 

 

 รายการ Pet พาเพลิน ตอน "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

 

ตอนนี้ทางมูลนิธิมีโครงการสร้างโรงเรือนที่อยู่อาศัยให้กับสุนัข ตอนนี้มีแบบแล้วแต่ขาดเรื่องเงินทุน แต่ก็มีแพลนจะจัดผ้าป่าในปีหน้าเพื่อระดมทุนสร้างโรงเรือนให้กับสุนัข

สำหรับใครที่อยากเข้าไปเยี่ยมทางมูลนิธิสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเส้นทางได้ที่เบอร์ 02-5844896 หรือทางเว็บไซต์ www.home4animals.osg มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ หรือทางเพจเฟซบุ๊ก FB:home4animalsfoundation  มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ หรือหาใน Google map ได้เลย โดยค้นหาว่า "มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ สาขาบางเลน"

 

 รายการ Pet พาเพลิน ตอน "บ้านหลังสุดท้ายของน้องหมา น้องแมวพิการ"

 

ส่วนเรื่องการนำอาหารมาป้อนให้สัตว์ ตอนนี้ติดว่าสัตว์ส่วนมากเป็นสัตว์ป่วย อายุมาก จึงอยากให้แจ้งก่อนว่าจะเอาอะไรมาป้อนได้บ้าง ซึ่งอาหารที่แนะนำคือพวกอกไก่ต้มที่ไม่ปรุงรส หรือถ้าไม่สะดวกให้แจ้งทางมูลนิธิไว้แล้วทางมูลนิธิจะเตรียมเอาไว้ให้เอง หรือจะเป็นอาหารกระป๋องสำหรับทั้งหมาและแมวหรือทรายแมวก็สามารถนำมาบริจาคได้ หรือให้มาถามมูลนิธิว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำมาบริจาคได้ แต่ถ้าอยากให้ตรงจุดก็จะเป็น "ปัจจัย" เพราะสามารถนำไปช่วยเรื่องค่าหมอ ค่ารักษา ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าอะไรต่างๆได้ตรงจุดจะได้เงินตรงนี้ไปใช้ได้ตรงจุดจะดีที่สุด

สุดท้ายได้ฝากถึงคนที่กำลังคิดจะเลี้ยงหมาและแมว คุณพิมพ์กุลฝากไว้ว่า "เชื่อว่าคนที่อยากเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวนั้นรู้เลยว่าเป็นคนรักสัตว์ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจจะเลี้ยงเขาแล้วก็ขอให้เลี้ยงและดูแลเขาไปให้ตลอดรอดฝั่ง อย่าทอดทิ้ง โดยเฉพาะหมา อยากให้ศึกษาพฤติกรรมของหมาในแต่ละช่วงอายุ อย่าเอาเขาไปทิ้ง"

 

ชมรายการ Pet พาเพลิน ฉบับเต็ม