ตรวจสอบแล้ว! กระทะเทฟลอน เมื่อโดนความร้อนจะปล่อย สารก่อมะเร็ง จริงหรือไม่

08 พฤศจิกายน 2564

หลังจากที่มีการแชร์ในออนไลน์ ประเด็น "กระทะเทฟลอน" เมื่อโดนความร้อนจะปล่อยสารก่อมะเร็ง โดยทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อมูล เกี่ยวกับประเด็น "กระทะเทฟลอน" เมื่อได้รับความร้อนจะปล่อยสารที่ใช้เคลือบออกมา ทำให้ปะปนในอาหารและเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า สารเทฟลอนที่นิยมใช้เคลือบกระทะ คือ Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่สังเคราะห์มาจาก Tetrafluoroethylene (TFE) เป็นสารที่เสถียรและทนความร้อนได้สูงมาก กรณีได้รับความร้อนสูงจนเกิดความเสียหายจะเกิดการหดตัวและหลุดร่อนเท่านั้น เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะถูกขับถ่ายออกมาพร้อมกับอุจจาระ โดย ไม่ได้ทำปฏิกิริยาหรือดูดซึมเข้าร่างกาย ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า เทฟลอนเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ กระทะเทฟลอนสามารถนำมาใช้ในการทำอาหารได้

โดยมีข้อจำกัดสำหรับอายุการใช้งาน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเหมาะกับการใช้งานตามคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการผลิตเทฟลอนอาจมีการใช้สาร Perfluorooctanoic acid หรือ PFOA (ซึ่งขณะนี้ไม่นิยมนำมาใช้แล้ว) สารดังกล่าวถูกจัดให้เป็นกลุ่มสารที่มีความเป็นไปได้ในการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง โดยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกของตับ ตับอ่อน อัณฑะ และเต้านมของสัตว์ แต่ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยที่ศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ยังคงต้องรอการศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคต

"กระทะเทฟลอน" เมื่อโดนความร้อนจะปล่อย สารก่อมะเร็ง ล่าสุด ถูกตรวจสอบแล้ว

 

- แจงแล้ว คลีนิคเปิดฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ เข็มละ 2,800.- เอามาจากไหน!

- ชาวบ้านโวย น้ำทะเลหนุนสูง ไร้การแจ้งเตือน ข้าวของพังยับ สาหัสยิ่งกว่าปี 54

- สั่งปิด 2 โรงเรียนจ.พิจิตร หลังพบนักเรียนติดเชื้อโควิด

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800

"กระทะเทฟลอน" เมื่อโดนความร้อนจะปล่อย สารก่อมะเร็ง ล่าสุด ถูกตรวจสอบแล้ว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews