"อำนวย เวชวิฐาน"สร้างประวัติศาสตร์เหรียญทองเเดง พาราลิมปิก รับอัดฉีด3ล้าน

  จากผลงานอันยอดเยี่ยมของทัพนักกีฬาพาราลิมไทย ในมหกรรม พาราลิมปิก2020  โดยไฮไลต์ชนิดกีฬาที่น่าสนใจ คือเเบดมินตัน ซึ่งรายของ  อำนวย เวชวิฐาน ที่เป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัทในเครือ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  ได้ผนึกกำลังกับสุจิรัตน์ ปุกคำ คว้าเหรียญทองเเดงประเภทหญิงคู่ ส่งท้ายพาราลิมปิกเกม ได้อย่างสวยงาม 

 

   สำหรับ การแข่งขันแบดมินตันเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564  ในรอบชิงอันดับ 3 ซึ่งในประเภทหญิงคู่ คลาส WH1-2 สุจิรัตน์ ปุกคำ กับ อำนวย เวชวิฐาน ซึ่งเป็นคู่หูดีกรีแชมป์โลก พบ ซินเธีย มาเตซ์ กับ การิน ซูเตอร์ เอราธ คู่หูนักแบดจากสวิตเซอร์แลนด์ และ ชายคู่ คลาสวีลแชร์ คลาส WH1-2 จักรินทร์ หอมหวล กับ ดำเนิน จันทร์ทอง พบ ไดกิ คาจิวาระ กับ ฮิโรชิ มูระยาม่า นักกีฬาเจ้าภาพญี่ปุ่น

   ผลปรากฎว่า สุจิรัตน์ ปุกคำ กับ อำนวย เวชวิฐาน คู่หูสาวทีมไทย อาศัยชั้นเชิงและประสบการณ์ความเก๋าโชว์ฟอร์มตบได้อย่างยอดเยี่ยมต้อนเอาชนะ ซินเธีย มาเตซ์ กับ การิน ซูเตอร์ เอราธ คู่หูนักแบดจากสวิตเซอร์แลนด์ ไปได้แบบสบาย 2-0 เกม 21-11,21-12 พร้อมคว้าเหรียญทองแดงมากครองได้สำเร็จ

ซึ่งถือเป็นเหรียญรางวัลเหรียญที่ 2 ของ ทีมแบดมินตันพาราไทย หลังจากก่อนหน้านี้ สุจิรัตน์ ปุกคำ คว้าเหรียญเหรียญเงิน ในประเภทหญิงเดี่ยวไปแล้ว 1 เหรียญ

 

สรุปเหรียญรางวัลนักกีฬาไทย ใน "พาราลิมปิก โตเกียว 2020"
ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม - 5 กันยายน 2564

5 ทอง
- พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตร T53 (ทำลายสถิติโลก)
- พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตร T53 (ทำลายสถิติพาราลิมปิก)
- อธิวัฒน์ แพงเหนือ วีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตร T54
- พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตร T53 (ทำลายสถิติพาราลิมปิก)
- บอคเซีย ทีม BC1-2 (วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, สุบิน ทิพย์มะนี, วัชรพล วงษา, วรวุฒิ แสงอำภา)

5 เงิน
- อธิวัฒน์ แพงเหนือ วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตร T54
- ประวัติ วะโฮรัมย์ วีลแชร์เรซซิ่ง 1,500 เมตร T54
- พรโชค ลาภเย็น บอคเซีย บุคคล บีซี 4
- วัชรพล วงษา บอคเซีย บุคคล บีซี 2
- สุจิรัตน์ ปุกคำ แบดมินตัน หญิงเดี่ยว คลาส WH1 

8 ทองแดง
- สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบ เอเป้ คลาสบี
- รุ่งโรจน์ ไทยนิยม เทเบิลเทนนิส บุคคลชาย คลาส 6
- ภูธเรศ คงรักษ์ วีลแชร์เรซซิ่ง 5,000 เมตร T54
- ภูธเรศ คงรักษ์ วีลแชร์เรซซิ่ง 1,500 เมตร T54
- ทีมชาย คลาส 3 เทเบิลเทนนิส (อนุรักษ์ ลาววงษ์, ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น, ถิรายุ เชื้อวงษ์)
- ขวัญสุดา พวงกิจจา เทควันโด คลาส K44 น้ำหนักไม่เกิน 49 กก.
- สายชล คนเจน วีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตร T54
- แบดมินตัน หญิงคู่ คลาส WH 1-2 (สุจิรัตน์ ปุกคำ, อำนวย เวชวิฐาน)

  หลักเกณฑ์เงินอัดฉีด ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กำหนดให้นักกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัลมีสิทธิ์เลือกรับเงินรางวัล 2 เงื่อนไขตามที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติระบุในประกาศ เงื่อนไขแรก เหรียญทอง จะได้รับเงินอัดฉีด 7,200,000 บาท เหรียญเงิน 4,800,000 บาท

และเหรียญทองแดง 3,000,000 บาท โดยเงื่อนไขนี้จะแบ่งจ่าย ซึ่งจ่ายเป็นก้อนให้นักกีฬาก่อนในอัตราร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลา 4 ปี ส่วนเงื่อนไขที่สอง จ่ายครั้งเดียวเป็นก้อนเดียว แต่จะได้รับในอัตราที่น้อยลง โดยเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลทั้งสิ้น 6,000,000 บาท, เหรียญเงิน 4,000,000 บาท และเหรียญทองแดง 2,500,000 บาท

ทั้งนี้เรื่องเงินอัดฉีดจากหลักเกณฑ์ดังกล่าว นักกีฬาพาราลิมปิกไทยคว้า 5 เหรียญทอง จาก พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตร T53 รับ 7.2 ล้านบาท / พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตร T53 รับ 7.2 ล้านบาท / พงศกร แปยอ วีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตร T53 รับ 7.2 ล้านบาท / อธิวัฒน์ แพงเหนือ วีลแชร์เรซซิ่ง 100 เมตร T54 รับ 7.2 ล้านบาท และบอคเซียทีม BC 1-2 จำนวน 4 คน วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, สุบิน ทิพย์มะนี, วัชรพล วงษา, วรวุฒิ แสงอำภา รับคนละ 7.2 ล้านบาท รวม 4 คน 28.8 ล้านบาท ซึ่งรวม 5 เหรียญทองของทัพไทยรับเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติไปทั้งสิ้น 57.6 ล้านบาท 

ส่วน 5 เหรียญเงินของทัพนักกีฬาไทย จาก อธิวัฒน์ แพงเหนือ วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตร T54 รับ 4.8 ล้านบาท / ประวัติ วะโฮรัมย์ วีลแชร์เรซซิ่ง 1,500 เมตร T54 รับ 4.8 ล้านบาท / พรโชค ลาภเย็น บอคเซีย บุคคล บีซี 4 รับ 4.8 ล้านบาท / วัชรพล วงษา บอคเซีย บุคคล บีซี 2 รับ 4.8 ล้านบาท / สุจิรัตน์ ปุกคำ แบดมินตัน หญิงเดี่ยว คลาส WH 1 รับ 4.8 ล้านบาท รวมเงินอัดฉีดเหรียญเงินจากกองทุนฯ 24 ล้านบาท 

 

ขณะที่อีก 8 เหรียญทองแดงของทัพไทยจาก สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบ เอเป้ คลาสบี รับ 3 ล้านบาท / รุ่งโรจน์ ไทยนิยม เทเบิลเทนนิส บุคคลชาย คลาส 6 รับ 3 ล้านบาท / ภูธเรศ คงรักษ์ วีลแชร์เรซซิ่ง 5,000 เมตร T54 รับ 3 ล้านบาท / ภูธเรศ คงรักษ์ วีลแชร์เรซซิ่ง 1,500 เมตร T54 รับ 3 ล้านบาท / (อนุรักษ์ ลาววงษ์, ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น, ถิรายุ เชื้อวงษ์) จากเทเบิลเทนนิส ทีมชาย คลาส 3 รับคนละ 3 ล้านบาท รวม 3 คน 9 ล้านบาท / ขวัญสุดา พวงกิจจา เทควันโด คลาส K44 น้ำหนักไม่เกิน 49 กก. รับ 3 ล้านบาท / สายชล คนเจน วีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตร T54 รับ 3 ล้านบาท / สุจิรัตน์ ปุกคำ-อำนวย เวชวิฐาน แบดมินตัน หญิงคู่ คลาส WH รับคนละ 3 ล้านบาท รวม 2 คน 6 ล้านบาท  รวมยอดอัดฉีดเหรียญทองแดงเป็นเงิน 33 ล้านบาท 

 

สรุปยอดรับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติของทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย รวมทั้งสิ้น 114.6 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเงินรางวัลที่โค้ชได้รับ 20 เปอร์เซนต์ของเงินรางวัลนักกีฬา และสมาคมกีฬาฯ ได้รับ 30 เปอร์เซนต์ของเงินรางวัลนักกีฬา

  สำหรับ "อำนวย เวฐวิฐาน" หรือ แก่น ภูมิลำเนาจังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบัน  อายุ 42  ปี 

เป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 5 คน ของครอบครัว และมีความพิการที่ขาผิดรูปมาตั้งแต่เกิด เล่นแบดมินตันทีมพาราแบดมินตันทีมชาติไทยในปี  2552 จาก อาเซียนพาราเกมส์ ที่ จ.นครราชสีมา ก่อนที่จะมาสร้างชื่อเสียงในระดับโลกด้วยการคว้าแชมป์โลกเวิลด์ พาราแบดมินตัน แชมเปี้ยนชิพ 2009  ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในประเภทคู่ผสม จับคู่กับ ดำเนิน จันทร์ทอง

 ที่ผ่านมาเคย คว้าแชมป์  บีดับเบิลยูเอฟ พาราแบดมินตัน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2015  ที่ประเทศอังกฤษ ในประเภท หญิงเดี่ยว และ หญิงคู่ จับคู่กับ สุจิรัตน์ ปุกคำ นอกจากนั้นยังคว้ารองแชมป์ประเภทคู่ผสม จับคู่กับ จักรินทร์ หอมหวน กระทั่งกวาดรางวัล กับ บีดับเบิลยูเอฟ พาราแบดมินตัน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2017  ที่ประเทศเกาหลีใต้  คว้าแชมป์โลกมาได้สำเร็จในประเภทคู่ผสม จับคู่กับ จักรินทร์ หอมหวน, รองแชมป์หญิงคู่ จับคู่กับ สุจิรัตน์ ปุกคำ และอันดับสามในประเภทหญิงเดี่ยว

 

 นอกจากนี้ “แก่น” อำนวย เวชวิฐาน เคยได้รับรางวัลนักกีฬาแบดมินตันคนพิการหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี จากสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF)  Female Para-Badminton Player of the Year award 2017 ที่จัดโดยสหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ BWF (บีดับเบิลยูเอฟ) ณ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2017

   โดย นาย จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า " สิ่งแรกคงต้องแสดงความดีใจกับ อำนวย เวชวิฐาน ด้วย ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก เพราะอำนวยถือเป็นนักกีฬาที่มีความมุ่งมั่น เพื่อทำหน้าที่ของตนเองอย่างหนักและเพื่อประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง และการคว้ารางวัลในครั้งถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่เหมาะสม ที่เขาสมควรจะได้รับ และที่สำคัญเขาถือเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาตัวอย่างของนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย