เผยความลับ "งาช้าง" ข้อเท็จจริงทางกายภาพ กฎหมาย และความเชื่อ

งาช้าง ไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะอันสง่างามของช้างเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยข้อเท็จจริงทั้งด้าน กายภาพ กฎหมาย และความเชื่อ ที่คนไทยควรรู้

 

งาช้างในมุมมองทางกายภาพ

หลายคนอาจไม่รู้ว่า งาช้างคือฟันตัด (incisor) คู่บนที่ยื่นออกมาจากปาก ไม่ใช่กระดูกอย่างที่เข้าใจ ช้างใช้งาในการขุดหาอาหาร ลอกเปลือกไม้ ต่อสู้ และป้องกันตัวจากศัตรู

ที่น่าสนใจคือ งาช้างแต่ละเชือกมีลายเฉพาะตัว สามารถใช้จำแนกตัวตนได้เหมือน “ลายนิ้วมือ” ของคน ลักษณะพิเศษที่เรียกว่า “Schreger line” คือเส้นลายตัดกันคล้ายตะแกรงเมื่อมองด้านหน้าตัด ซึ่งเป็นเครื่องหมายเฉพาะของงาช้างแท้

แม้งาช้างจะหักแล้วไม่สามารถงอกใหม่ได้เหมือนฟันทั่วไป แต่หาก รากฟันยังไม่เสียหายมากนัก ก็มีโอกาสที่งาใหม่จะงอกขึ้นมาอีกครั้งได้ ส่วนช้างที่ไม่มีงาใหญ่เรียกว่า “ช้างสีดอ” ซึ่งจะมีเพียงขนายเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากปากเท่านั้น

งาช้างกับกฎหมายไทย

ในประเทศไทย การครอบครองงาช้างต้องอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 ผู้ครอบครองต้องแจ้งการครอบครองต่อเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้อง

สำหรับ งาช้างแอฟริกา จะถูกจัดเป็น ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มีโทษหนักหากครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

รัฐบาลไทยยังมีมาตรการเข้ม เช่น การ ทำลายงาช้างของกลาง หลังคดีสิ้นสุด เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย และป้องกันไม่ให้เกิดการ “ฟอกงา” เข้าสู่ตลาด

งาช้างในความเชื่อและจิตวิญญาณไทย

ในมิติของความเชื่อ คนโบราณเชื่อว่า “งากำจัด” หรืองาที่หักหลุดออกมาเองโดยธรรมชาติ ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและเสริมบารมี

นอกจากนี้ งาช้างไทยยังถูกยกให้มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม เชื่อว่าช่วยดึงดูดโชคลาภ ความเมตตา และคุ้มครองผู้ครอบครองให้ปลอดภัยจากภัยร้ายทั้งปวง