น้ำหนักแมวเท่าไหร่ถึงถือว่าอ้วน? การประเมินภาวะอ้วนของแมว

รู้หรือไม่? การดูว่าแมวอ้วนหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักอย่างเดียว แต่ต้องใช้ Body Condition Score (BCS) ประเมินร่วมด้วย ดูวิธีเช็กภาวะอ้วนของแมวง่าย ๆ
การจะบอกว่าแมวตัวไหน “อ้วน” หรือไม่ ไม่สามารถดูจากตัวเลขน้ำหนักเพียงอย่างเดียวได้ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสายพันธุ์ โครงสร้าง เพศ และอายุของแมว แต่มีวิธีที่แม่นยำกว่า คือ Body Condition Score (BCS) หรือ คะแนนประเมินสภาพร่างกายของแมว
วิธีสังเกตแมวอ้วนจาก BCS
1. คลำซี่โครง:
- แมวสมส่วน คลำเจอกระดูกซี่โครงได้ง่าย มีไขมันบาง ๆ ปกคลุม
- แมวเริ่มอ้วน คลำเจอกระดูกยาก ต้องออกแรงกด
- แมวอ้วนมาก คลำไม่เจอซี่โครง เพราะมีไขมันหนาปกคลุม
2. มองจากด้านบน:
- แมวสมส่วน เห็นส่วนเว้าของเอวชัด
- แมวเริ่มอ้วน เอวเริ่มหายไป
- แมวอ้วน ลำตัวกลมหรือแผ่ออกด้านข้าง
3. มองจากด้านข้าง:
- แมวสมส่วน มีท้องเว้าเล็กน้อย
- แมวอ้วน ท้องห้อย ไม่มีส่วนเว้า และอาจมีพุงไขมัน
น้ำหนักมาตรฐานของแมวไทยทั่วไป
- น้ำหนักปกติอยู่ที่ประมาณ 3.5–5 กิโลกรัม
- หากเกิน 5 กิโลกรัม โดยรูปร่างไม่สมส่วน ถือว่า เริ่มอ้วน
- หากเกิน 8 กิโลกรัม (ในแมวที่ไม่ใช่พันธุ์ใหญ่) ถือว่า อ้วนมากและเสี่ยงต่อสุขภาพ
การประเมินว่าแมวอ้วนหรือไม่นั้น ควรใช้ BCS ร่วมกับการชั่งน้ำหนัก โดยแมวที่ได้คะแนน BCS ตั้งแต่ 6 ขึ้นไปจาก 9 ถือว่าเริ่มมีภาวะอ้วน ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อวางแผนควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของแมวในระยะยาว

ไทยคว้ารางวัลหมอระบาดระดับโลก “ODESS Prize” จากโครงการ DDS

“ภูมิธรรม” ประกาศยกเครื่องพรรคเพื่อไทย ฟื้นหัวใจพรรค

อียิปต์ขุดพบป้อมปราการทหาร ยุคราชอาณาจักรใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี

อย่ามองข้าม เตือนร้านค้า ใช้กระดาษคล้ายซองฆ่าเชื้อห่อไข่ เสี่ยงเชื้อโรคปนเปื้อน
